วิกฤติความเชื่อมั่น ‘อดานิ’ กำลังเขย่าเศรษฐกิจอินเดียทั้งประเทศ

วิกฤติความเชื่อมั่น ‘อดานิ’ กำลังเขย่าเศรษฐกิจอินเดียทั้งประเทศ

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก ระบุว่า ‘Total Net Worth’ ของ โกตัม อดานิ ลดลงจากลำดับที่ 2 ของโลก มาอยู่ในลำดับที่ 21 ด้านนักวิเคราะห์ชี้วิกฤตความเชื่้อมั่นครั้งนี้อาจกระทบเศรษฐกิจอินเดียในภาพใหญ่ รวมทั้งอาจสั่นคลอนเก้าอี้นายกรัฐมนตรีของโมดี

Key Points:

  • สำนักข่าวบลูมเบิร์ก ระบุว่า ‘Total Net Worth’ ของ โกตัม อดานิ ลดลงจากลำดับที่ 2 ของโลก มาอยู่ในลำดับที่ 21ด้วยอัตรา 6.13 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ ประมาณ 2.0229 ล้านล้านบาท
  • นักวิเคราะห์ชี้การขึ้นหรือลงของมูลค่าหุ้นบริษัทในเครืออดานิ กรุ๊ปทั้งกระดานมีผลต่อดัชนีตลาดหุ้นอินเดียอย่างมาก ซึ่งหากมูลค่าหุ้นในกลุ่มดังกล่าวยังปรับตัวลงต่อ อาจกระทบเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากบริษัทแอปเปิล อิงก์
  • ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ชาวอินเดียส่วนหนึ่งลงมติให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงจากรายงานของฮินเดนเบิร์ก รีเสิร์ช อีกทั้ง ประเด็นดังกล่าวถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองของนักการเมืองฝ่ายค้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นเรื่องความสัมพันธ์ของอดานิและโมดีอีกด้วย

 

ย้อนไปเมื่อ 10 วันก่อน ธุรกิจในเครืออดานิ กรุ๊ป ตั้งแต่อุตสาหกรรมในภาคพลังงานไปจนถึงท่าเรือขนส่งสินค้า ของโกตัม อดานิ มหาเศรษฐีชาวอินเดีย อาจดูมีพื้นฐานธุรกิจที่ดีและเป็นที่ต้องตาของเหล่านักลงทุน ทว่าหลังจากที่ฮินเดนเบิร์ก รีเสิร์ช บริษัทวิจัยและลงทุน ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการขายชอร์ตหุ้น (ชอร์ตเซล) เพื่อตรวจสอบการทุจริตภายในองค์กรเปิดเผยข้อมูลว่ามีการทุจริตภายในบริษัทอดานิ กรุ๊ป ทั้งการฟอกเงิน การหลบเลี่ยงภาษี และความไม่ชอบมาพากลอีกมากมาย ส่งผลให้นักลงทุนตั้งคำถามกับความ ‘น่าเชื่อถือ’ ต่อตัวเขาและบริษัทฯ อย่างกว้างขวาง

ตั้งแต่วันที่ 24 ม.ค. วันแรกที่ ฮินเดนเบิร์ก รีเสิร์ช ปล่อยรายงานฉบับดังกล่าวออกมาหุ้น อดานิ กรุ๊ป ก็ค่อยๆ สูญเสียมูลค่าทางการตลาดไปจนกระทั่งลดลงกว่า 1.08 แสนล้านดอลลาร์ หรือ ราวๆ 3.56 ล้านล้านบาท โดยวิกฤตของบริษัทอดานิ กรุ๊ป ยิ่งชัดเจนมากขึ้นเมื่อประธานบริหารสูงสุดประกาศขายหุ้นเพิ่มทุนมูลค่า 2.4 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 7.9 หมื่นล้านบาท แม้หลังจากนั้นไม่นาน อดานิ จะปล่อยเอกสารจำนวนกว่า 400 หน้าเพื่อตอบโต้ข้อกล่าวหาจากบริษัทฮินเดนเบิร์ก รีเสิร์ช ทว่ากลับไม่มีผลใดๆ ต่อความรู้สึกของนักลงทุน 

หากอ้างอิงตามเกณฑ์ของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ณ วันที่ 3 ก.พ. 2566  ‘ขนาดของสินทรัพย์รวมของบุคคลหักออกด้วยหนี้สินรวมของบุคคล’ หรือ ‘Total Net Worth’ ของ โกตัม อดานิ ลดลงจากลำดับที่ 2 ของโลก มาอยู่ในลำดับที่ 21 ด้วยอัตรา 6.13 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 2.0229 ล้านล้านบาท 

วิกฤติความเชื่อมั่น ‘อดานิ’ กำลังเขย่าเศรษฐกิจอินเดียทั้งประเทศ

  • ความเฟื่องฟูและอับเฉาของ ‘โกตัม อดานิ’

กราฟการเติบโตแบบพุ่งทะยานของอาณาจักรอดานิ กรุ๊ป เริ่มหักหัวลงอย่างเฉียบพลันหลังการประกาศขายชอร์ตหุ้นของฮินเดนเบิร์ก รีเสิร์ช บริษัทที่เล็กแต่มี ‘ชื่อ’ จากอเมริกา 

นักลงทุนต่างชาติอาจกำลังประเมินความเสี่ยงและเทขายหุ้นบางส่วนเพื่อจัดพอร์ตการลงทุนใหม่ ผ่านการพิจารณาประเด็นเรื่องธรรมาภิบาล ความโปร่งใสขององค์กร ความชื่นชอบส่วนตัว รวมทั้งปริมาณหนี้ของบริษัท

บทวิเคราะห์ของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ระบุว่า บริษัทฮินเดนเบิร์ก รีเสิร์ช เข้ามาทำให้ประเด็นที่เป็นข้อสงสัยเดิมของชาวอินเดียจำนวนหนึ่งกระจ่างขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องธรรมาภิบาลในการทำธุรกิจของบริษัทอดานิ กรุ๊ป รวมทั้งรายงานซึ่งมีความยาวกว่า 150 หน้าของบริษัทฮินเดนเบิร์ก รีเสิร์ช ไม่เพียงสร้างผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในอินเดียเท่านั้น แต่ยังทำให้หน่วยงานกำกับดูแลของอินเดียต้องกลับไปพิจารณาข้อกำหนดของตัวเองด้วย

ด้าน แกรี ดูแกน  ประธานบริหารสูงสุด (ซีอีโอ) ของโกลบอล ซีไอโอ ออฟฟิศ บริษัทเพื่อการลงทุนสัญชาติสิงคโปร์ กล่าวว่า “ตลาดหุ้นอินเดียผันผวนอย่างฉับพลัน โดยผมมองว่านักลงทุนต่างชาติอาจกำลังประเมินความเสี่ยงและเทขายหุ้นบางส่วนเพื่อจัดพอร์ตการลงทุนใหม่ ผ่านการพิจารณาประเด็นเรื่องธรรมาภิบาล ความโปร่งใสขององค์กร ความชื่นชอบส่วนตัว รวมทั้งปริมาณหนี้ของบริษัท”

ประเด็นที่น่าติดตามต่อไปคือ หากราคาสินทรัพย์ในบริษัทเครืออาดานิ กรุ๊ป ยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งความเชื่อมั่นของนักลงทุนยังอยู่ในระดับต่ำ กลุ่มธนาคารในเครือเอชเอสบีซี โฮลดิงส์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทแอปเปิล อิงก์ ที่มีแผนย้ายฐานการผลิตจากประเทศจีนเข้ามาในอินเดียเนื่องจากปัญหาภายในประเทศของจีน และสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐ อาจชะลอการตัดสินใจลง

เรื่องอื้อฉาวของอดานิครั้งนี้มาไม่ถูกเวลาและไม่เป็นผลดีกับอินเดียอย่างมาก เพราะขณะนี้จีนกำลังกลับมาเปิดประเทศ ดังนั้นนักลงทุนต่างชาติต่างกำลังจับตาว่าควรนำเงินไปลงทุนที่ไหน

อลิเซีย การ์เซีย เอร์เรโร นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ของนาทิคซิส เอสเอ ธนาคารเพื่อการลงทุนสัญชาติฝรั่งเศส กล่าวว่า “หากพูดกันตามตรง เรื่องอื้อฉาวของอดานิครั้งนี้มาไม่ถูกเวลาและไม่เป็นผลดีกับอินเดียอย่างมาก เพราะขณะนี้จีนกำลังกลับมาเปิดประเทศ ดังนั้นนักลงทุนต่างชาติต่างกำลังจับตาว่าควรนำเงินไปลงทุนที่ไหนจึงจะปลอดภัยและเหมาะสมที่สุด”

  • ความมั่งคั่งที่ถูกโจมตี 

ความรวยที่ได้มาในชั่วพริบตาจากเมื่อปีที่แล้วของอดานิ ต่างก็หายไปในชั่วพริบตาเช่นเดียวกัน ซ้ำร้ายสิ่งที่ได้มาเพิ่มเติมคือความเสียหายต่อสินทรัพย์ โดยหากอ้างอิงตามดัชนี เอ็มเอสซีไอ ของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในปีนี้ หุ้นของบริษัทในเครืออดานิ กรุ๊ป เป็นหุ้น 8 ตัวแรก จากทั้งหมด 10 ตัวที่เพอร์ฟอร์มได้แย่ที่สุด ในขณะที่มูลค่าของตราสารหนี้ (บอนด์) ในตลาดการซื้อขายสหรัฐ ของบริษัทฯ ก็ลดลงสู่ระดับที่น่าวิตกเช่นเดียวกัน 

มากไปกว่านั้น ผลกระทบจากการปล่อยรายงานของบริษัทฮินเดนเบิร์ก รีเสิร์ช ยังกระทบไปถึงธนาคารพาณิชย์จำนวนหนึ่งที่ปล่อยสินเชื่อให้บริษัทของอดานิด้วย ที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือราคาหุ้นธนาคารรัฐแห่งอินเดีย (เอสบีไอ) ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาล ย่อตัวลง 11% ในช่วงแรกๆ ของการปล่อยรายงาน และตั้งแต่วันที่ 27 ม.ค. ถึง 31 ม.ค. ฟันด์โฟลว์ต่างชาติก็ไหลออกจากตลาดหุ้นอินเดียทั้งหมด 2 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 6.6 หมื่นล้านบาท  

สิ่งที่อาจเกิดขึ้นต่อไปคือดัชนีตลาดหุ้นอินเดียอาจเพอร์ฟอร์มได้แย่กว่าดัชนีอื่นในภูมิภาค หนึ่งในนั้นคือจีน

เจี้ยน ซื่อ คอร์เตซี ผู้จัดการกองทุนจาก จีเอเอ็ม อินเวสเมนท์ บริษัทบริหารสินทรัพย์จากเมืองซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ กล่าวว่า “ข่าวฉาวเกี่ยวกับอดานิที่ไหลอออกมาทำให้นักลงทุนต่างชาติมองตลาดหุ้นอินเดียในแง่ลบอย่างมาก และสิ่งที่อาจเกิดขึ้นต่อไปคือดัชนีตลาดหุ้นอินเดียอาจเพอร์ฟอร์มได้แย่กว่าดัชนีอื่นในภูมิภาค หนึ่งในนั้นคือจีน”

อย่างไรก็ตาม มาร์ค โมเบียส นักลงทุนในหุ้นตลาดเกิดใหม่ (อีเอ็ม) ผู้ทำงานคร่ำหวอดในวงการดังกล่าวมาอย่างยาวนาน ระบุว่า เขาไม่หวั่นกลัวกับการย่อตัวลงของตลาดหุ้นอินเดียครั้งนี้ และไม่วิตกไปกับสิ่งที่นักลงทุนรายอื่นเรียกว่าวิกฤต “การย่อตัวลงครั้งนี้ไม่ได้สะท้อนภาพของการรอดหรือไม่รอด (ไวอะบิลิตี) ของตลาดหุ้นและเศรษฐกิจอินเดีย ผมยืนยันว่าผมจะไม่ตัดสินใจใดๆ จากภาพของดัชนีในช่วงไม่กี่วันนี้ แต่จะตัดสินใจจากพื้นฐานของกิจการนั้นในระยะยาวจริงๆ ”

วิกฤติความเชื่อมั่น ‘อดานิ’ กำลังเขย่าเศรษฐกิจอินเดียทั้งประเทศ

ด้าน ฮิวจ์ ยัง ประธานบริษัท เอบีอาร์ดีน จํากัด (มหาชน) สัญชาติอังกฤษ ประจำภูมิภาคเอเชีย ผู้บริหารสินทรัพย์มากกว่า 6 แสนล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 19.8 ล้านล้านบาท  ยืนยันว่าจะรอ ‘ช้อน’ หุ้นบริษัทในเครืออดานิ กรุ๊ป หลังจากราคาเริ่มปรับตัวลง

  • การตอบโต้จากอดีตมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของเอเชีย

อดานิ กล่าวย้ำผ่านโทรทัศน์หลังจากรายงานดังกล่าวออกมาไม่นานว่า บริษัทฯ ยังมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และงบแสดงฐานะทางการเงิน (บาลานซ์ชีท) ยังอยู่ในเกณฑ์ดี ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อหน่วยธุรกิจที่ดำเนินอยู่ รวมทั้งแผนธุรกิจในอนาคตด้วย และทิ้งท้ายด้วยคำในภาษาอินเดียว่า ‘Jai Hind’ หรือ ชัยชนะจงบังเกิดต่ออินเดีย 

ก่อนหน้านั้น จูเกชินเดอร์ ซิงห์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของบริษัทฯ ออกมาตอบโต้อย่างทันท่วงทีว่า รายงานล่าสุดของบริษัทฮินเดนเบิร์ก รีเสิร์ช ไม่น่าเชื่อถือ เพราะเป็นงานวิจัยที่จัดทำขึ้นจากข้อมูลที่บิดเบือน ไม่มีมูลความจริง และมุ่งทำลายชื่อเสียงของบริษัทฯ

การขยายธุรกิจของอดานิส่วนใหญ่ใช้วิธีการ ‘เลเวอเลจ’ ซึ่งเป็นเครื่องมือทางการเงินที่อนุญาตให้นักลงทุนวางเงินจำนวนหนึ่งก่อนเพื่อดำเนินธุรกิจ

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก ให้ข้อมูลว่า เป็นเวลาหลายปีที่บริษัทอดานิ กรุ๊ป ส่งมอบโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นให้ประเทศอินเดีย ซึ่งโครงสร้างพื้นฐานดังกล่าวเข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันของประชาชนชาวอินเดียหลายพันล้านคน ไม่ว่าจะเป็น สนามบิน โรงงานไฟฟ้า หรือท่าเรือขนส่งสินค้า และนอกจากการมุ่งมั่นพัฒนาเครือข่ายถนนในประเทศเป็นระยะทางมากกว่า 3,100 ไมล์ (ประมาณ 4988.966 กิโลเมตร) แล้ว อดานิ กรุ๊ปยังเป็นบริษัทเอกชนรายใหญ่ที่สุดที่เปิดให้บริการด้านโลจิสติกส์ทางอากาศและทางทะเล ในอัตราถือครอง 33% และ 24% ตามลำดับ มากไปกว่านั้น บริษัทฯ ยังวางแผนพัฒนาโครงการเกี่ยวกับพลังงานหมุนเวียน ซึ่งสอดคล้องกับ ‘เป้าหมายเน็ต ซีโร่’ ของนายกรัฐมนตรี อีกกว่า 7 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 2.31 ล้านล้านบาท 

อนึ่ง การขยายธุรกิจของอดานิส่วนใหญ่ใช้วิธีการ ‘เลเวอเลจ’ ซึ่งเป็นเครื่องมือทางการเงินที่อนุญาตให้นักลงทุนวางเงินจำนวนหนึ่งก่อนเพื่อดำเนินธุรกิจ โดยบริษัทในเครืออดานิ กรุ๊ป มีหนี้จากการใช้เครื่องมือทางการเงินนี้ประมาณ 1.97 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 6.501 แสนล้านบาท  ซึ่งสร้างความกังวงต่อนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศมาอย่างยาวนาน อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาสถานะทางการเงินของบริษัทฯ พบว่า ไม่มีหนี้ที่ต้องชำระในสกุลเงินดอลลาร์ หรือ ‘ดอลลาร์ เด็บท์ มาชัวริง’ จนถึงปี 2567 ส่งผลให้ความสามารถในการชำระหนี้ในระยะสั้นอยู่ในเกณฑ์ดี และอดานิได้จ่ายดอกเบี้ยที่ถึงกำหนดชำระล่าสุดไปเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา 

  • สัมพันธ์ใกล้ชิด

นักวิเคราะห์ของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ระบุว่า มูลค่าสินทรัพย์ของอดานิค่อยๆ ทะยานขึ้นในช่วงเวลาไล่เลี่ยกับช่วงที่โมดีได้รับเลือกตั้งเป็นมุขยมนตรี ของคุชราต รัฐบริเวณชายฝั่งตะวันตกของประเทศอินเดีย ในปี 2544 โดยความสัมพันธ์ของทั้งสองเริ่มแน่นแฟ้นมากขึ้นหลังจากที่อดานิออกรับหน้าแทนโมดี ในกรณีที่เขาไม่สามารถปกป้องประชาชนชาวอินเดีย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม กว่า 1,000 ชีวิต ที่ถูกสังหารในเหตุชุลมุนในขณะนั้นได้

มูลค่าสินทรัพย์ของอดานิค่อยๆ ทะยานขึ้นในช่วงเวลาไล่เลี่ยกับช่วงที่โมดีได้รับเลือกตั้งเป็นมุขยมนตรี ของคุชราต รัฐบริเวณชายฝั่งตะวันตกของประเทศอินเดีย ในปี 2544

จากเหตุการณ์ดังกล่าว อดานิจึงช่วยก่อตั้งเวที ‘ไวแบรนท์ คุชราต ฟอรัม’ การประชุมสุดยอดนักลงทุนซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกสองปีที่รัฐคุชราต เพื่อช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้โมดี ในฐานะผู้นำที่เน้นพัฒนาประเทศไปตามพลวัตของโลก อีกหนึ่งเครื่องหมายยืนยันว่าทั้งคู่เป็นพันธมิตรที่ดีต่อกัน คือการที่โมดีเข้าร่วมพิธีแต่งงานของ ‘การัน อดานิ’ ลูกชายของมหาเศรษฐีผู้นี้ ในปี 2556 หนึ่งปีหลังจากที่โมดีชนะการเลือกตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี

วิกฤติความเชื่อมั่น ‘อดานิ’ กำลังเขย่าเศรษฐกิจอินเดียทั้งประเทศ

 สำนักข่าวบลูมเบิร์ก ให้ข้อมูลว่า นับตั้งแต่โมดีเถลิงอำนาจในปี 2555 อดานิได้กลายมาเป็นเหมือนภาพแทนของ ‘กระเป๋าสตางค์ส่วนตัว’ สำหรับใช้จ่ายเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และอุตสาหกรรมภายในประเทศของโมดี ​ ทว่าในปัจจุบันประชาชนและนักลงทุนจำนวนมากต่างตั้งคำถามกับกระเป๋าสตางค์นั้นในเชิงลบอย่างกว้างขวาง

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา นักการเมืองฝ่านค้านต่างนำประเด็นฉาวของอดานิเข้าไปถกเถียงบนเวทีการเมือง ซึ่งกระทบต่อภาพลักษณ์ของโมดีอย่างมาก โดยเมื่อวันพุธที่ 1 ก.พ. ที่ผ่านมา นักการเมืองฝ่านค้านยกประเด็นระหว่างอดานิ กรุ๊ป และฮินเดนเบิร์ก รีเสิร์ช รวมทั้งความเชื่อมโยงกับโมดี เข้ามาอภิปรายในรัฐสภาในวาระส่งมองงบประมาณแผนดิน และในวันถัดมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จำนวนหนึ่งจึงลงมติให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวอย่างทันท่วงที 

ด้าน โมฮัน กูรูสวามี อดีตที่ปรึกษากระทรวงการคลังของอินเดีย กล่าวทิ้งท้ายในประเด็นดังกล่าวว่า “วิกฤตครั้งนี้มีผลกระทบต่อเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศแน่นอน และผมมั่นใจว่าความเชื่อมั่นของประชาชนต่อโมดีลดลงด้วย”