EP ลั่นโรงไฟฟ้า ‘พลังงานลม’ เวียดนาม จ่อ ‘ซีโอดี’ ช่วงกลางปีนี้
“อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป” ส่งซิกโรงไฟฟ้าพลังงานลม ประเทศเวียดนาม สัญญาณดีอาจได้ COD กลางปี 2566 หลังเวียดนามมีประธานาธิบดีคนใหม่มาอนุมัติรับซื้อไฟเร็วขึ้น ฟาก "เอกชนไทย" ยื่นหนังสือถึงเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงฮานอย เพื่อยื่นเรื่องต่อไปที่รัฐมนตรีแล้ว
นายยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการ บริษัท อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EP กล่าวว่า บริษัทคาดว่าการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศเวียดนาม กำลังการผลิต 160 เมกะวัตต์ มูลค่าลงทุน 7,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันดำเนินการก่อสร้างเสร็จทั้งหมดแล้ว แต่ยังไม่สามารถเดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์ (COD) ได้
เนื่องจากติดปัญหาประเทศเวียดนามไม่มีประธานาธิบดีที่จะอนุมัติให้รับซื้อไฟฟ้า ดังนั้น โครงการจึงเกิดความล่าช้ามาปีกว่าแล้ว เดิมต้องสร้างรายได้เข้ามาตั้งแต่ปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่แค่บริษัทที่โดนผลกระทบดังกล่าวทั้งหมด 77 โครงการ เป็นของผู้ประกอบการเอกชนไทยที่เข้าไปลงทุนพลังงานทดแทนในเวียดนามทั้งหมดมี 13 โครงการ กำลังผลิตรวม 657.80 เมกะวัตต์ โดยล่าสุด ผู้ประกอบการไฟฟ้าเอกชนไทย และหอการค้าไทย อยู่ระหว่างการรวมกันยื่นจดหมายถึง “นิกรเดช พลางกูร” เอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม เพื่อให้ส่งหนังสือถึงรัฐมนตรีของเวียดนามแล้ว
ทั้งนี้ วานนี้ (2 มี.ค.66) ประเทศเวียดนามเพิ่งได้ประธานาธิบดีคนใหม่ ดังนั้น ถือเป็นสัญญาณที่ดี คาดว่าการเจรจากับทางรัฐบาลเวียดนามน่าจะมีความชัดเจนขึ้นเร็วกว่าเดิม โดยคาดว่ากลางปีน่าจะมีความชัดเจนในเรื่องของการเจรจาเรื่องอัตราการรับซื้อไฟฟ้าใหม่ และ COD ได้ หลังมีการเสนอความเห็นต่อรัฐบาลเวียดนาม ให้เร่งรับซื้อไฟฟ้าโดยเร็ว
ทั้งนี้ สังเกตได้ว่าข้อเสนอของหน่วยงานของการไฟฟ้าเวียดนาม มีความต้องการให้ COD ไปชั่วคราวทันที แต่จะมีการจ่ายค่าไฟฟ้าเพียงครึ่งเดียวจนกว่าจะได้ข้อสรุปของราคา FIT ถาวร ซึ่งบริษัทก็มีแนวความคิดเช่นนั้น ส่วนเรื่องราคา FIT ถาวรคาดว่าน่าจะอยู่ระหว่าง 0.0735-0.0775 ดอลลาร์ ลดลงจากเดิม 0.085 ดอลลาร์ หรือ 10-15% ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานสากล
“เรามองว่าหลังประเทศเวียดนามมีประธานาธิบดีคนใหม่แล้ว ความชัดเจนน่าจะมีทิศทางดีขึ้น ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีว่าจะมีการรับซื้อไฟฟ้าเร็วขึ้น เนื่องจากปัจจุบันไฟฟ้าเวียดนามไม่เพียงพอ และไฟฟ้าสำรองก็เหลือน้อย”
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์