หุ้นกลุ่มแบงก์ ร่วงยกแผง นักลงทุนเทขายทำกำไร หวั่นเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย 

ความกังวลต่อสถานการณ์เศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เผยตัวเลขยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.4% ซึ่งถือว่าต่ำกว่าคาดที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 0.8% บวกกับความไม่แน่นอนการเจรจาเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐ ซึ่งหากผิดนัดชำระหนี้ในวันที่ 1 มิถุนายน นี้ รวมถึงปัญหาในประเทศที่ยังคงมีความไม่ชัดเจนกับการเลือกตั้ง ส่งผลให้นักลงทุนเทขายในวันนี้ (17 พ.ค.66) โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มแบงก์ที่ปรับตัวลงมาเกือบยกกลุ่ม โดยเฉพาะ หุ้น CIMBT อยู่ที่ 0.77 บาท ลดลง 0.02 บาท เปลี่ยนแปลง -2.53%  SCB อยู่ที่ 102.50 บาท ลดลง 2.00 บาท เปลี่ยนแปลง -1.91%  และ KBANK อยู่ที่ 134.00 บาท ลดลง 1.50 บาท เปลี่ยนแปลง -1.11% (ณ เวลา 11.30 น.) 

ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยกับกรุงเทพธุรกิจว่า หุ้นกลุ่มแบงก์ อาจจะเป็นกลุ่มที่ยังไม่ได้มีการปรับตัวลงมาจากช่วงที่ผ่านมา เลยมีการขายทำกำไรออกมา เพราะมองตลาดว่า ในช่วงนี้ไม่ได้มีประเด็นบวกใหม่ๆ เข้ามา ทั้งนี้ภาพรวมตลาดตั้งแต่เดือน พ.ค. - มิ.ย. นี้จะเป็นแรงกดดันจากเศรษฐกิจในสหรัฐ จึงทำให้มีการเทขายทำกำไรออกมา 

อภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า หุ้นกลุ่มแบงก์ถือว่าเป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่เป็นหุ้นตลาดที่มีมาร์เก็ตแคปสูง และมีสภาพคล่องสูง ต่างชาติยังมีการเทขายอย่างต่อเนื่อง กับสถานการณ์การเมืองในประเทศยังคงมีความไม่ชัดเจนกับนโยบายว่าใครจะเข้ามาเป็นรัฐบาล และถ้ามีการปรับเปลี่ยนขั้วรัฐบาลก็ยังไม่แน่ชัดว่า เศรษฐกิจจะเป็นอย่างไรต่อไป จึงทำให้มีบางอย่างที่เป็นตัวกดดันภาคธุรกิจโดยรวม

ทั้งนี้ บล.ทิสโก้ แนะนำนักลงทุนให้ระมัดระวัง เนื่องจากเช้านี้ (15 พ.ค.66) ดัชนีตลาดหุ้นอยู่แถวบริเวณ 1,530 จุด น่าจะไม่อยู่ ต้องกลับมาตั้งหลักใหม่แถว 1,500 - 1,510 จุด เนื่องจากดูแล้วเซนทิเมนต์ยังไม่ค่อยดี 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์