AI หนุน ‘4 หุ้นไซเบอร์ซิเคียวริตี้’ ขานรับภัยคุกคามไซเบอร์ทั่วโลกพุ่ง

AI หนุน ‘4 หุ้นไซเบอร์ซิเคียวริตี้’  ขานรับภัยคุกคามไซเบอร์ทั่วโลกพุ่ง

“หุ้นเทคโนโลยี” เป็นกลุ่มที่ติดลบหนักในปีที่ผ่านมา หนึ่งในเอฟเฟ็กต์สำคัญจากกรณีธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งขึ้นดอกเบี้ยอย่างรุนแรง แต่หลังจากที่ตลาดเริ่มคาดการณ์กันว่า เฟดมีโอกาสชะลอขึ้นดอกเบี้ย ก็ทำให้ราคาหุ้นเทคเริ่มฟื้นตัวในต้นปี 2566 

Key Point: 

  • มอร์แกน สแตนลีย์ เปิด 4 หุ้นเทค ธีมไซเบอร์ซิเคียวริตี้ รับอานิสง AI
  • ภัยคุกคามไซเบอร์ทั่วโลกพุ่ง พร้อมกับการขาดแคลนแรงงานในอุตสาหกรรม
  • คาดหุ้นเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะทำกำไรเกือบ 3 หมื่นดอลลาร์

สะท้อนผ่านความเคลื่อนไหวหุ้นเทคโนโลยีในตลาดหุ้นสหรัฐที่ฟื้นตัวจากช่วงปลายปีก่อน หากย้อนกลับไปในปี 2565 หุ้น "ไมโครซอฟท์" นั้น มีอัตรากำไรสุทธิสูงถึง 33% จากความต้องการใช้เทคโนโลยีที่ไม่มีทางลดน้อยลง ซึ่งควบคู่กับความปลอดภัยของโลกอินเทอร์เน็ตที่เราเรียกกันว่า "ไซเบอร์ซิเคียวริตี้" (Cybersecurity) ที่กลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง หลังการมาของเทคโนโลยี "ปัญญาประดิษฐ์" (AI)  

AI หนุน ‘4 หุ้นไซเบอร์ซิเคียวริตี้’  ขานรับภัยคุกคามไซเบอร์ทั่วโลกพุ่ง

"มอร์แกน สแตนลีย์" (Morgan Stanley) บริษัทให้บริการทางการเงินระดับโลกในนิวยอร์ก เปิดเผยว่า 4 บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ ได้แก่ พาโล อัลโต เน็ตเวิร์กส์ (Palo Alto Networks : PANW) ,ไมโครซอฟท์ (Microsoft : MSFT), ฟอร์ติเน็ต (Fortinet : FTNT) และคราวด์สไตรค์ (CrowdStrike : CRWD) มีแนวโน้มได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยี AI ที่อาจเข้ามามีส่วนสำคัญในการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ 

เนื่องจากความต้องการของ AI และระบบอัตโนมัติในการรักษาความปลอดภัยในโลกไซเบอร์เพิ่มขึ้น หลังภัยคุกคามทางไซเบอร์ทั่วโลกเพิ่มขึ้น และขาดแคลนแรงงานในอุตสาหกรรม เช่น การโจมตีด้วย "แรนซัมแวร์" (Ransomware คือ มัลแวร์ที่เข้ารหัสลับไฟล์ หรือหยุดการใช้คอมพิวเตอร์ชั่วขณะ จนกว่าจะจ่ายเงินค่าไถ่เพื่อให้ปลดล็อก) เพิ่มขึ้นกว่า 30% จากปีที่แล้ว รวมทั้ง ‘อีเมลฟิชชิ่ง’( Phishing email คือ ความพยายามที่จะขโมยข้อมูลส่วนบุคคลหรือเจาะบัญชีออนไลน์โดยใช้อีเมล) ได้เพิ่มขึ้นอย่างมากตั้งแต่มีการเปิดตัวแชทบอท ChatGPT 

โดยมอร์แกน สแตนลีย์ ได้คาดการณ์ราคาหุ้นทั้ง 4 ตัว สำหรับตัวแรกคือ CRWD คาดเติบโต 19.65% มีราคาเป้าหมายที่ 175.73 ดอลลาร์ ถัดมาคือ MSFT คาดเติบโต 1.56% มีราคาเป้าหมายที่ 345.84 ดอลลาร์ ตามด้วย FTNT คาดเติบโต 0.22% มีเป้าหมายราคา 75.76 ดอลลาร์ และ PANW คาดเติบโต 2.78% มีเป้าหมายราคา 248.41 ดอลลาร์

แม้ในขณะนี้ยังเป็นช่วงเริ่มต้นในการพัฒนาอุตสาหกรรม AI นักวิเคราะห์จากมอร์แกนสแตนลีย์คาดหุ้นเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะทำกำไรเกือบ 3 หมื่นดอลลาร์ จากพื้นฐานบริษัทที่มีชุดข้อมูลขนาดใหญ่ที่ไม่ซ้ำใคร ซึ่งบริษัทที่ได้รับผลประโยชน์มากที่สุด ได้แก่ MSFT และ PANW ตามด้วย FTNT และ CRWD รวมทั้งการรวบรวมข้อมูลหลังจากที่ได้มีการพูดคุยกับผู้บริหารระดับสูงทางด้านการรักษาความปลอดภัยและผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์มากกว่า 20 คน

รวมทั้งคาดการณ์จากระบบทำงานในขณะนี้ที่สามารถทำให้เป็นระบบอัตโนมัติได้ ที่จะสามารถลดระยะเวลาการทำงานของนักวิเคราะห์ความปลอดภัยได้ถึง 20-40% หากงานเหล่านี้เป็นแบบอัตโนมัติ ซึ่งอาจส่งผลให้ประหยัดต้นทุนการทำงานของอุตสาหกรรมไซเบอร์ซิเคียวริตี้ทั่วโลกได้มากกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ และอาจทำรายได้เพิ่มขึ้น10-50%

"ฮัมซา ฟอดเดอร์วาลา" (Hamza Fodderwala) นักวิเคราะห์ของมอร์แกน สแตนลีย์ มองว่าการใช้ AI จะสามารถสร้างและพัฒนามัลแวร์ได้รวดเร็วกว่าที่ผ่านมา ซึ่งมีความจำเป็นอย่างมากสำหรับองค์กรด้านความปลอดภัยที่มีภาระเรื่องค่าใช้จ่ายในการลงทุนระบบอัตโนมัติสำหรับการรักษาความปลอดภัยขององค์กร

ตามรายงานของสมาคมรับรองความปลอดภัยระบบข้อมูลระหว่างประเทศ หรือ International Information System Security Certification Consortium (ISC) บ่งชี้ว่าอาจมีแนวโน้มที่จะขาดแคลนบุคลากรด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ประมาณ 3.4 ล้านคน

Generative AI จะเข้ามาช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานโดยอัตโนมัติ เช่น การรายงานข้อมูลและสรุปการแจ้งเตือน และทำให้นักวิเคราะห์ด้านความปลอดภัยในโลกไซเบอร์ มีเวลามากพอเพื่อมุ่งเน้นความสำคัญไปที่ปัญหาด้านความปลอดภัยมากขึ้น 

อย่างไรก็ตาม การพัฒนาของเทคโนโลยี AI จะไม่ได้เกิดขึ้นในทันที คาดอัตราการเปลี่ยนแปลงในด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์จะเติบโตช้ากว่าอุตสาหกรรมไอทีด้านอื่น ๆ เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงขึ้นตามไปด้วย ซึ่งในขั้นต้นการใช้งาน AI จะดำเนินไปควบคู่กันระหว่างมนุษย์และเทคโนโลยี เพราะยังมีความจำเป็นในการใช้มนุษย์ในการตัดสินใจด้านความปลอดภัยขั้นสูงสุด