หุ้น KBANK ดิ่ง 3% กังวลไตรมาส 2/66 ตั้งสำรองพุ่งกรณี STARK

หุ้น KBANK ดิ่ง 3% กังวลไตรมาส 2/66 ตั้งสำรองพุ่งกรณี STARK

KBANK ปิดตลาดเช้านี้ (21 ก.ค.66) อยู่ที่ระดับ 129 บาท หรือลดลง 4.50 บาท หรือ -3.37% โดยนักวิเคราะห์ประเมินว่า คุณภาพสินทรัพย์ยังอ่อนแอในครึ่งปีหลัง เหตุุตั้งสำรองยังสูงอยู่จากกรณีหุ้น STARK แม้ผลประกอบการไตรมาส 2/66 ออกมามีกำไรเพิ่มขึ้น

หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ เริ่มทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/66 กันออกมาบ้างแล้ว ล่าสุดเช้านี้ (21 ก.ค.66) หุ้น KBANK ได้ประกาศผลการดำเนินงานออกมา แม้จะมีกำไรเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่การตั้งสำรองยังสูงอยู่จากกรณีหุ้น STARK ส่งผลให้หุ้น KBANK ปิดตลาดเช้านี้ (21 ก.ค.66) อยู่ที่ระดับ 129 บาท หรือลดลง 4.50 บาท หรือ -3.37% โดยนักวิเคราะห์ประเมินว่า คุณภาพสินทรัพย์ยังอ่อนแอในครึ่งปีหลัง

 

หุ้น KBANK ดิ่ง 3% กังวลไตรมาส 2/66 ตั้งสำรองพุ่งกรณี STARK

หุ้น KBANK ดิ่ง 3% กังวลไตรมาส 2/66 ตั้งสำรองพุ่งกรณี STARK

กรรณ์ หทัยศรัทธา ผู้ช่วยผู้จัดการ บล.ซีจีเอสซีไอเอ็มบี(ประเทศไทย) เปิดเผยกับกรุงเทพธุรกิจว่า หุ้น KBANK ปรับตัวลงมาเยอะในวันนี้ (21 ก.ค.66) เนื่องจากคุณภาพสินทรัพย์แย่ลง เมื่อเทียบกับ หุ้น BBL ที่ดีกว่า เนื่องจาก BBL ราคาไม่ได้ลงเยอะกลับบวกขึ้นมาได้  

ทั้งนี้ หุ้น KBANK คาดว่า เครดิตคอร์ส ในครึ่งปีหลังน่าจะอยู่ประมาณ 2% จากปกติ 1.4 - 1.6% แสดงให้เห็นว่าคุณภาพสินทรัพย์ยังอ่อนแอสู้ หุ้น BBL ไม่ได้  

“เช้านี้มีการประชุมนักวิเคราะห์มาของ KBANK ออกมาโทนไม่ค่อยดี และมีโอกาสทรงตัวไปในครึ่งปีหลังจากนี้ หลังจากที่เครดิตคอร์ส และคุณภาพสินทรัพย์ คาดว่าในครึ่งปีหลังจะอยู่ที่ประมาณ 2% จากปกติ 1.4 - 1.5% แสดงให้เห็นว่าคุณภาพสินทรัพย์ยังอ่อนแอสู้ BBL ไม่ได้”

ขณะเดียวกันมีการตั้งสำรองเพิ่มในส่วนของกรณีหุ้น STARK ส่วน SCB ก็มีการตั้งสำรองเช่นกันก็มีปรับลงมาบ้างเช่นกัน ขณะที่ BBL มีความแข็งแกร่งกว่า เนื่องจาก NPL ไม่ได้มีการปรับขึ้น ส่วน NPL ของ KBANK ปรับขึ้นมาเล็กน้อย จึงเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้หุ้น KBANK ปรับตัวลงมา เพราะเครดิตคอร์สกับคุณภาพสินทรัพย์ที่อ่อนแอ 

แนะนำนักลงทุนควรเข้าไปลงทุนในหุ้นที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับหุ้น STARK จะปลอดภัยกว่า เช่นหุ้น BBL ได้รับประโยชน์สูงสุดจากอัตราดอกเบี้ยที่ปรับขึ้น กับ TTB มีการปรับสัดส่วนสินเชื่อจากภาครัฐมากขึ้น แม้ว่าวันนี้ (21 ก.ค.66) จะมีการปรับลงมาบ้าง ถือเป็นจังหวะย่อที่สามารถเข้าไปช้อนซื้อได้ 

วทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า สำหรับ KBANK มีการประกาศผลประกอบการออกมาช่วงเช้านี้ (21 ก.ค.66) เป็นเรื่อง Sell on fact ทั้งนี้ หากย้อนไปดูหุ้นกลุ่มแบงก์ก่อนหน้ามีการปรับเพิ่มขึ้นมาก่อนแล้ว ไม่ว่าจะเป็น BBL KBANK  หรือ SCB มีการปรับขึ้นมาหมด 

ทั้งนี้ หากเข้าไปดูใน BANK INDEX นับตั้งแต่ต้นเดือนก.ค. ถึงปัจจุบัน กลุ่มแบงก์ปรับขึ้นมาประมาณ 7% ซึ่ง ผลประกอบการ KBAK ออกมาในช่วงเช้านี้ (21 ก.ค.66) ไตรมาส 2/66 กำไรสิทธิที่ออกมาถือว่า สอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ รายงานมีกำไรอยู่ประมาณ10,000 ล้านบาท โตประมาณ 2% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาจากรายได้สุทธิมีการขยายตัวจากส่วนต่างดอกเบี้ยที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมาประมาณ 3.7% เนื่องจากก่อนหน้านี้แบงก์ชาติมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ธนาคารพาณิชย์มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้

“ก่อนหน้านี้หุ้นกลุ่มแบงก์เร่งขึ้นมาก่อนหน้านี้แล้ว และพอมาประกาศผลประกอบการจึงไม่ได้เป็นการเซอร์ไพรส์ตลาด และนักวิเคราะห์จึงเป็นเรื่องของ Sell on fact ปกติ สังเกตดี ๆ วันนี้หุ้นแบงก์ก็ไม่ได้ขึ้นต่อแล้ว เพราะปรับขึ้นมาก่อนหน้านี้แล้ว แม้ผลประกอบการดีไม่ได้แย่ แต่ตลาดเล่นมาก่อนหน้าแล้ว ส่วนกรณีที่มีการตั้งสำรองสูงในไตรมาส 2/66 คาดว่าไม่น่าจะเกี่ยวกับ หุ้น STARK เพราะคาดว่าน่าจะจบแล้ว” 

อย่างไรก็ตาม หุ้น KBANK ปรับตัวลงมาระยะสั้น เพราะพื้นฐานยังดีอยู่ แนะนำนักลงทุนว่า หุ้นกลุ่มแบงก์ในช่วงนี้หากมีการปรับลงมามากสามารถที่จะเข้าไปเก็บสะสมได้

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์