INTUCH เผยไตรมาส 2/66 กำไรสุทธิ 2.88 พันล้าน โต 9% พร้อมปันผล 1.47 บาท XD 23 ส.ค.
INTUCH เผยไตรมาส 2 ปี 66 กำไรสุทธิ 2.88 พันล้าน โต 9% จากช่วงเดียวกันปีก่อน 2.63 พันล้าน เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของส่วนแบ่งผลกำไรจากเอไอเอสที่เติบโตของรายได้จากการให้บริการ และการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 1.47 บาท XD 23 ส.ค. 66
บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH รายงานผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ผลดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2566 มีกำไรสุทธิ 2,881.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2,635.79 ล้านบาท ขณะที่งวด 6 เดือนแรก มีกำไรสุทธิ 5,572.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 5,188.03 ล้านบาท
เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของส่วนแบ่งผลกำไรจากเอไอเอส เนื่องจากการเติบโตของรายได้จากการให้บริการ และการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายด้านการตลาด
ในปี 2566 ผลการดำเนินงานของกลุ่มอินทัชไม่มีส่วนแบ่งกำไรจากไทยคม เนื่องจากอินทัชได้ขายเงินลงทุนในไทยคมไปเมื่อปลายปี 2565 ซึ่ง หากไม่รวมการลดลงของส่วนแบ่งผลกำไรจากการดำเนินงานที่ยกเลิก (ไทยคม) ผลการดำเนินงานของกลุ่มอินทัชในไตรมาสนี้ และงวดหกเดือนของปีนี้ เพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 2/2565 และงวดหกเดือนของปี 2565 ส่วนใหญ่เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของส่วนแบ่งผลกำไรจากเอไอเอสจากการเติบโตของรายได้จากการให้บริการ และการควบคุมค่าใช้จ่าย ด้านการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ และเอไอเอสมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนในปีนี้ ในขณะที่ปีก่อนมีขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน
ผลการดำเนินงานเฉพาะบริษัท : ในไตรมาส 2/2566 และงวดหกเดือนของปี 2566 อินทัชมีส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทย่อย และบริษัทร่วมรวม 2,902 ล้านบาท และ 5,636 ล้านบาท ตามลำดับ เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมาและปีก่อน ส่วนใหญ่เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของผลกำไรของเอไอเอส สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของอินทัชสําหรับไตรมาส 2/2566 และงวดหกเดือนของปี 2566 อยู่ที่ 37 ล้านบาท และ 79 ล้านบาท ตามลำดับ
ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2/2566 ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อน และคาดว่าในปี 2566 เศรษฐกิจจะฟื้นตัวต่อเนื่องจากปี 2565 โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการบริโภคที่ปรับตัวดีขึ้น และภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัว อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนทางการเมืองและเศรษฐกิจโลก ความผันผวนของตลาดการเงินโลก รวมถึงความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์โลกในภูมิภาคต่างๆ ยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย
โดยเอไอเอสยังคงเป็นเงินลงทุนหลักของอินทัช โดยในครึ่งแรกของปี 2566 กำไรของเอไอเอสเติบโตร้อยละ 10 จากระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน ทำให้เงินปันผลที่อินทัชได้รับจากเอไอเอสเพิ่มขึ้นร้อยละ 16 โดยในไตรมาส 2/2566 เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ และธุรกิจอินเทอร์เน็ตบ้านความเร็วสูง โดยเอไอเอสนำเสนอบริการที่มุ่งเน้นคุณภาพ และการสร้างมูลค่าเพิ่มในแพ็กเกจที่ให้แก่ลูกค้า โดยเน้นคุณภาพของโครงข่าย แพ็กเกจที่รวมหลากหลายบริการ เชน คอนเทนต์ ผลิตภัณฑ์ และสิทธิพิเศษจากการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรที่หลากหลาย ทำให้รายได้เฉลี่ยต่อเลขหมายต่อเดือน (ARPU) ทั้งธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ และธุรกิจอินเทอร์เน็ตบ้านความเร็วสูงปรับตัวสูงขึ้น
ขณะที่ อินทัชยังคงดำเนินนโยบายในการส่งต่อเงินปันผลที่อินทัชได้รับหลังหักค่าใช้จ่ายทั้งหมด ร้อยละ 100 ให้แก่ผู้ถือหุ้น สำหรับผลการดำเนินงานครึ่งแรกของปี 2566 นี้ อินทัชประกาศจ่ายเงินปันผลจำนวน 1.47 บาทต่อหุ้น โดย XD 23 ส.ค. 66 และจะจ่ายเงินปันผลในวันที่ 8 ก.ย. 2566
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์