‘กลุ่มไฟแนนซ์’ยังเสี่ยงตั้งสำรองหนี้เพิ่ม โบรกแนะเลี่ยงลงทุนไตรมาส 3
โบรกแนะเลี่ยงลงทุนหุ้นไฟแนนซ์ไตรมาส 3 นี้ บล.ทรีนีตี้ -บล.กสิรกไทย ชี้สารพัดปัจจัยเสี่ยงกดดัน ธปท.ห่วงกลุ่มเปราะบางความสามารถชำระหนี้ลดลงยังมีโอกาสตั้งสำรองเพิ่มขึ้น -แข่งขันดอกเบี้ยยังสูง-งบไตรมาส 3 อาจแย่ต่อ ศรีสวัสดิ์-เมืองไทย แคปปิตอล ยันคุมคุณภาพหนี้ได้
"หุ้นกลุ่มไฟแนนซ์" เริ่มทยอยประกาศผลดำเนินงานไตรมาส2 ปี 2566 ออกมาแล้วคือ บมจ.เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) และ บมจ.เฮงลิสซิ่ง แอนด์ แคปปิตอล (HENG) พบไตรมาสนี้ทั้ง2 บริษัท ตั้งสำรองที่สูงขึ้นมากจากช่วงเดียวกันปีก่อน และไตรมาส1ที่ผ่านมา
โดยMTC ตั้งสำรอง ไตรมาส2 ปีนี้ ที่ 1,017 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 94.08% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้นจากไตรมาส1 ปี 2566 อยู่ที่ 954 ล้านบาท ส่วน HENG ไตรมาส2 ปีนี้ ตั้งสำรอง 127.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62.7% จากช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 78.2 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นจากไตรมาส1ปี 2566 อยู่ที่ 75.2 ล้านบาท สะท้อนคุณภาพลูกหนี้อ่อนแอ
นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ เปิดเผยว่า ธุรกิจไฟแนนซ์ ยังมีแรงกดดันเรื่องคุณภาพหนี้ ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็นห่วงความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้กลุ่มเปราะบาง ในกลุ่ม เช่าซื้อ รายย่อยและเอสเอ็มอี จึงเห็นตั้งสำรองหนี้ฯ ของธุรกิจไฟแนนซ์ในไตรมาส 2ปีนี้เพิ่มขึ้น และทิศทางในไตรมาส 3 ปี 2566 ยังไม่ดีนัก มีความเสี่ยงตั้งสำรองหนี้ฯเพิ่มขึ้นต่อเนื่องได้
ทั้งนี้ มีหลายปัจจัยกดดัน ไม่ว่าจะเป็นทางด้านคุณภาพสินทรัพย์ที่แย่ลง ต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้นจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย, การกำกับดูแลการปล่อยสินเชื่อของธปท.ที่เข้มงวดขึ้น เช่น การปล่อยสินเชื่ออย่างมีความรับผิดชอบ และการตั้งสำรองหนี้สูงขึ้น ทำให้โอกาสการปล่อยสินเชื่อใหม่อาจไม่ได้ตามเป้าหมายหรือปรับตัวลดลง
รวมถึงภาวะการแข่งขันในตลาดยังสูง ทำให้ไม่สามารถขยับดอกเบี้ยเงินกู้ขึ้นตามได้ และอาจต้องปรับลดลงเพื่อแข่งขันด้วย ทำให้อัตราการทำกำไรของกลุ่มธุรกิจไฟแนนซ์ในปีนี้ ยังมีความเสี่ยงถูกปรับลดกำไรลงต่อเนื่องในไตรมาส 3ปีนี้
นายกรกช เสวตร์ครุตมัต ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ธุรกิจไฟแนนซ์ มีแนวโน้มการตั้งสำรองหนี้ฯ สูงต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง2566 และมีโอกาสถูกปรับลดคาดการณ์กำไรในปีนี้ แต่ยังต้องรอประเมินหลังธุรกิจไฟแนนซ์พบนักวิเคราะห์อีกครั้ง ส่วนทางด้าน ราคาหุ้น NCAP ปรับตัวลงวานนี้ค่อนข้างมาก น่าจะงบประกาศงบไตรมาส 2 ปีนี้ ไม่ดี แนะนำเลือกลงทุนเฉพาะหุ้นบางตัวที่ NPLที่ใกล้จุดสูงสุดแล้ว เช่น TIDLOR และHENG
นางสาวธิดา แก้วบุตตา ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์องค์กร บมจ. ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) กล่าวว่า แม้ว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้นแล้ว แต่ความต้องการใช้สินเชื่อยังไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก รวมถึงความสามารถในการชำระหนี้ก็ยังไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้บริษัทต้องหันมาเน้นควบคุมคุณภาพลูกหนี้เป็นหลัก
โดยเฉพาะการพิจารณาให้สินเชื่อที่จะต้องเน้นเรื่องความสามารถการชำระคืนหนี้เป็นหลัก เพื่อควบคุมNPLทรงตัวใกล้เคียงกับไตรมาส 1ปี 2566 ที่อยู่ในระดับ 2.5% ส่งผลให้ปล่อยสินเชื่อในไตรมาส 2 ปี 2566 คาดว่าจะยังทรงตัวจากไตรมาส 1 ปี 2566
ทั้งนี้ไตรมาส 3 ปี 2566บริษัทยังติดตามลูกค้าใกล้ชิด และช่วงเดือนส.ค.นี้จะเริ่มทยอยขึ้นดอกเบี้ยกลุ่มรถจักรยานยนต์ก่อน จาก15% เป็น18% เฉพาะกลุ่มลูกค้ารายใหม่ ซึ่งคาดไม่กระทบ เพราะเป็นกลุ่มลูกค้าที่พาร์ทเนอร์กับออมสินและคู่แข่งในตลาดบางรายยังปล่อยสูง24%
บริษัทยังมั่นใจว่าสินเชื่อปีนี้จะเติบโตได้ตามเป้าหมาย 25-30% และจะคุม NPL ให้ใกล้เคียง 2.5% พร้อมกับมั่นใจว่าในครึ่งปีหลังจะเห็นการกลับมาฟื้นตัวและเห็นผลการดำเนินงานของบริษัทที่เติบโตขึ้นได้
นายปริทัศน์ เพชรอำไพ รองกรรมการผู้จัดการ MTC กล่าวว่า การตั้งสำรองหนี้ในไตรมาส 2 ปีนี้ เพิ่มขึ้นตามการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อ 7,100 ล้านบาท และแนวโน้มการตั้งสำรองหนี้ยังคงเพิ่มขึ้นในไตรมาส 3 ปีนี้ ซึ่งเป็นไปตามปกติของการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อ
ทั้งนี้บริษัทคงมั่นใจว่าพอร์ตสินเชื่อปีนี้โต 20%ตามเป้าหมาย และไม่ได้มองว่ามาตรการของธปท. จะกดดันเป้าหมายในการปล่อยสินเชื่อใหม่ เพราะบริษัทฯ ได้รัดกุมมากขึ้นในการปล่อยสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกันอยู่แล้ว และมองว่ายังมีความต้องการเข้าถึงเงินทุนของผู้บริโภคอยู่ โดยขณะนี้บริษัทยังไม่ได้มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยกับทางลูกค้า