TIDLOR ไตรมาส 2/66 กำไรลด 5.5% เหตุตั้งสำรองเพิ่มรับพอร์ตสินเชื่อโตตามแผน
TIDLOR เผยผลงานไตรมาส 2/2566 ทำกำไรสุทธิกว่า 927 ล้านบาท ลดลง 5.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน หลังการตั้งสำรองหนี้เพิ่มขึ้น จากพอร์ตสินเชื่อทะเบียนรถขยายตัวตามแผนที่วางไว้ ยันคุมคุณภาพหนี้เสียได้อยู่ระดับต่ำที่ 1.54% และคุม Credit Cost ต้นทุนด้านเครดิตได้เป็นอย่างดี
บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2566 บริษัทมีรายได้โดยรวมยังคงอยู่ในทิศทางที่สูงขึ้น โดยได้แรงหนุนจากการเติบโตทั้งภาคการให้สินเชื่อ และนายหน้าประกันภัย ในขณะที่การจัดการคุณภาพสินทรัพย์ที่ดี มีกำไรสุทธิ 927.20 ล้านบาท ลดลง 5.5% จาก 981.40 ล้านบาท ในงวดเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้การลดลงนี้ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจาก การตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้นซึ่งสอดคล้องกับการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของพอร์ต สินเชื่อรวม
พอร์ตสินเชื่อคงค้าง ณ สิ้นไตรมาสที่ 2 ปี 2566 อยู่ที่ 87,245.7 ล้านบาท ขยายตัว 23.5%เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยปัจจัย ขับเคลื่อนหลักในการเติบโตของธุรกิจยังคงเป็นความสำเร็จของบัตรติดล้อ ซึ่งยังคงเจาะตลาดอย่างต่อเนื่อง และเบี้ยประกันวินาศภัยที่เติบโตอย่างโดดเด่น เพิ่มขึ้น 8.9% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน
นอกจากนี้บริษัท ยังคงรักษาคุณภาพพอร์ตสินเชื่อได้อย่างดีโดยหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) อยู่ที่ 1.54% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 1.50% ในไตรมาสแรก ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม
นอกจากนี้ ในไตรมาสที่ 2 ปี 2566 บริษัทมีรายได้รวม 4,529.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.3% จากช่วงเดียวกันปีก่อน การเติบโตนี้ ได้รับแรงหนุนจากรายได้ดอกเบี้ยรับจากเงินให้กู้ยืม และลูกหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อที่เพิ่มขึ้น 25.3% จากช่วงเดียวกันปีก่อน รวมถึงรายได้ค่าธรรมเนียม และบริการที่เพิ่มขึ้น 24.7% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายรวมจำนวน 3,366.0 ล้านบาท มาจากผลขาดทุนด้านเครดิตที่เพิ่มขึ้น 135.8% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น 48.9%จากช่วงเดียวกันปีก่อน และค่าใช้จ่ายในการบริการ และบริหารเพิ่มขึ้น 24.5%จากช่วงเดียวกันปีก่อน
ตลอดไตรมาสที่สอง พอร์ตสินเชื่อรวมของบริษัท ขยายตัว และธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัยมีการเติบโต อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เรามีการเติบโตรายได้ที่แข็งแกร่ง ทั้งจากรายได้ดอกเบี้ย และรายได้ค่าธรรมเนียมและ บริการ การจัดการคุณภาพสินเชื่อ และระดับการตั้งสำรองอย่างรอบคอบของบริษัท ช่วยให้บริษัท สามารถ ดำเนินงานเพื่อรองรับการเติบโตทางธุรกิจ และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจได้ แม้ว่าค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานจะเพิ่มขึ้นจากการขยายตัวของธุรกิจสินเชื่อ และนายหน้าประกันวินาศภัย รวมถึงต้นทุนทาง การเงินที่เพิ่มขึ้นตามอัตราดอกเบี้ยนโยบายและสภาวะตลาด
อย่างไรก็ตาม บริษัท ยังคงความมุ่งมั่นในการสร้างการเติบโตของพอร์ตสินเชื่ออย่างมีคุณภาพให้อยู่ภายใต้กรอบนโยบายการบริหารความเสี่ยงที่มี ประสิทธิภาพ ส่งผลให้บริษัท สามารถสร้างผลกำไรได้ตามเป้าหมาย ในขณะที่ยังคงรักษาสถานะทางการเงิน ที่แข็งแกร่ง
นายปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) (TIDLOR) เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2566 บริษัท ยังคงสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งธุรกิจนายหน้าประกันภัยและธุรกิจสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน แม้ว่าจะได้รับแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 927 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้นซึ่งสอดคล้องกับการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของพอร์ตสินเชื่อรวมและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และการเพิ่มขึ้นของต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้นตามอัตราดอกเบี้ยนโยบายและสภาวะตลาด
ด้านผลการดำเนินธุรกิจนายหน้าประกันภัยยังคงสามารถสร้างเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง โดยไตรมาส 2/2566 ค่าเบี้ยประกันวินาศภัยเติบโตเพิ่มขึ้น 28.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะจากช่องทางดิจิทัล ทั้งออนไลน์และแพลตฟอร์มอารีเกเตอร์ และยังคงเป้าการเติบโตเบี้ยประกันภัยวินาศภัยที่ 20%-25%
สำหรับผลการดำเนินงานด้านสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกันในไตรมาส 2/2566 มียอดสินเชื่อคงค้างรวม อยู่ที่ 87,245 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 23.5% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และยังคงเป้าการเติบโตทั้งปีที่ 10-20% โดยยังคงดำเนินนโยบายพิจารณาการปล่อยสินเชื่อที่เหมาะสม และยังให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการต้นทุน พร้อมนำเทคโนโลยีมาใช้ในการยกระดับด้านบริการให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นจุดแข็งและสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งในปัจจุบัน
ขณะที่บัตรติดล้อ (TIDLOR Card) หนึ่งในปัจจัยสำคัญของการเติบโตทางธุรกิจนั้น ยังคงมีปริมาณการใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของลูกค้าสินเชื่อทะเบียนรถมอเตอร์ไซค์ รถเก๋ง และรถกระบะ โดยในเดือนมิถุนายน 2566 ได้มีการออกบัตรติดล้อให้ลูกค้าแล้วกว่า 576,000 ใบ
นอกจากนี้ TIDLOR ยังคงให้ความสำคัญกับคุณภาพสินเชื่อมุ่งสร้างการเติบโตอย่างมีคุณภาพภายใต้นโยบายการบริหารความเสี่ยงรอบคอบ ส่งผลให้ NPL ณ สิ้นไตรมาส 2 อยู่ที่ 1.54% ซึ่งยังคงถือเป็นระดับที่ต่ำเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม พร้อมยังคงเป้า Credit cost ในปีนี้ที่ลดลงมาอยู่ที่ 3.00-3.35% จากต้นปีที่วางไว้ 3.00-3.50%
ขณะที่บริษัท ยังคงอัตราการสำรองหนี้ไว้ในระดับสูงตามเดิม และยังคงมุ่งเน้นกลยุทธ์ในการพัฒนาประสิทธิภาพและการลงทุนในเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนและต่อยอดการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืน ลดการพึ่งพิงการขยายสาขาเพียงอย่างเดียว สำหรับท่านนักลงทุน และผู้สนใจสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารของ TIDLOR ได้ที่เว็บไซต์
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์