แก้สัญญาเช่าJASIF จ่อฉลุย BBLAM ยก4เหตุผลหนุนผู้ถือหน่วยไฟเขียว 23 ส.ค.นี้
บลจ.บัวหลวง เปิด 4 เหตุผล หนุนผู้ถือหน่วย “JASIF” อนุมัติให้แก้สัญญาไขสัญญาเช่า “ยกเลิกประกันรายได้-ลดค่าเช่า -ขยายเวลาช่า” วันที่ 23 ส.ค.นี้ หลัง "3บีบี”ขาดสภาพคล่องหนัก เผยกองทุนติดหนี้กับแบงก์กรุงเทพกว่า 1.3 หมื่นล้าน หากไฟเขียวเตรียมเจรจาขอลดดอกเบี้ย
นายพรชลิต พลอยกระจ่าง Deputy Managing Director Real Estate & Infrastructure Investment บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.)บัวหลวง ในฐานะบริษัทจัดการของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตจัสมิน (JASIF) เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมากองทุน JASIF ได้เดินสายทำความเข้าใจกับนักลงทุนสถาบันและรายใหญ่ ถึงความจำเป็นในการเห็นชอบการใน 3 ประเด็นสำคัญ ในการประชุมผู้ถือหน่วยฯ วันที่ 23 ส.ค.2566 ดังนี้
1.การขอผ่อนผันเพื่อหยุดพักการชำระค่าเช่า และยกเว้นการผิดนัดชำระค่าเช่าภายใต้สัญญาประกันรายได้ค่าเช่า 2.การขอยกเลิกสัญญาประกันรายได้ค่าเช่าและสัญญาให้บริการจัดหาผู้เช่าทรัพย์สิน และ 3.การขอแก้ไขและปรับอัตราค่าเช่าทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงภายใต้สัญญาเช่าหลัก
สำหรับเหตุผลสำคัญของการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขสัญญาเช่าฯใหม่ คือ 1.บริษัท ทริปเปิลทีบรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน)(3BB) ยังคงประสบปัญหาการขาดสภาพคล่องทางการเงินและไม่สามารถชำระค่าเช่าให้กองทุนรวมได้เต็มจำนวนในวันครบกำหนด อาจส่งผลให้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ไม่ต่ออายุใบอนุญาตให้ 3BB จึงเห็นว่าการผ่อนผันการชำระค่าเช่าและยกเลิกสัญญาประกันรายได้น่าจะช่วยยืดระยะเวลาให้ 3BB สามารถแก้ปัญหาทางการเงินในระยะสั้นได้
2.การขยายระยะเวลาสัญญาเช่าหลักเพิ่มเติมในอนาคตเพื่อแลกเปลี่ยนกับการยกเลิกสัญญาประกันรายได้ไปอีกประมาณ 6 ปี 11 เดือนเมื่อเทียบกับสิทธิเดิมคือสิทธิในการต่อสัญญาเช่าหลักอีก 10 ปี เป็นข้อเสนอที่มีความแน่นอนกว่า ทำให้กองทุนฯมีรายได้ที่แน่นอนต่อไปอีก 6 ปี11 เดือน คาดว่ากองทุนจะมีรายได้เพิ่มเติมจากเดิมจำนวน 32,267.34 ล้านบาท
3.หากผู้ถือหน่วยลงทุนอนุมัติให้ 3BB ยกเลิกสัญญาประกันรายได้และขยายสัญญาเช่าหลักเพิ่มอีกประมาณ 6 ปี11 เดือนทำให้กองทุนมีรายได้เพิ่มขึ้นจาก 83,348.42 ล้านบาท เป็น 115,615.75 ล้านบาท
4.หากผู้ถือหน่วยไม่อนุมัติให้ยกเลิกสัญญาประกันรายได้ จะทำให้ 3BB ไม่สามารถชำระค่าใบอนุญาตในการประกอบกิจการโทรคมนาคมให้กสทช. จึงมีโอกาสที่จะไม่ได้รับการต่ออายุใบอนุญาตในการประกอบกิจการโทรคมนาคม ซึ่งอาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อความสามารถในการทำธุรกิจ รวมไปถึงความสามารถในการชำระค่าเช่าตามสัญญาเช่าหลักได้ ทำให้กองทุนรวมและผู้ถือหน่วยลงทุนอาจได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ
นายพรชลิต กล่าวว่า จากการชี้แจงเหตุผลดังกล่าว นักลงทุนสถาบันเข้าใจและเห็นความสำคัญในเรื่องดังกล่าว แม้ว่จะมีผลกระทบต่อเงินปันผลที่ลดลงไปบ้าง แต่ด้วยการถือลงทุนของนักลงทุนสถาบัน ที่เน้นลงทุนระยะยาว จึงเข้าใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไม่คัดค้าน
"หลังจากทำความเข้าใจแล้ว เชื่อว่านักลงทุนราย่อยมีความเข้าใจในระดับ 60-70%”
สำหรับโครงสร้างผู้ถือหน่วย JASIF ประกอบด้วย สถาบันในประเทศ 38% สถาบันต่างประเทศ 8% บุคคลในประเทศ 53% และบุคคลต่างประเทศ 1% โดยการแก้ไขสัญญาดังกล่าวจะต้องได้รับเสียงสนับสนุน 3 ใน 4 ของจำนวนหน่วยลงทุนทั้งหมดของผู้ถือหน่วยที่เข้าร่วมประชุมและมีสิทธิออกเสียง
ทั้งนี้หากผู้ถือหน่วยไม่อนุมัติแก้ไขสัญญาเช่าดังกล่าว จะมีผลทำให้ JASIF ผิดนัดชำระหนี้กับธนาคารกรุงเทพ(BBL) ซึ่งปัจจุบัน JASIF เป็นหนี้ BBL จำนวน 13,000 ล้านบาท ดอกเบี้ย MLR 6.85% และจ่ายดอกเบี้ยต่อเดือนที่ 70 ล้านบาท อาจทำให้ BBL บังคับให้กองทุนฯขายสินทรัพย์ออกมา แต่หากได้รับอนุมัติ ก็จะเจรจาขอลดดอกเบี้ยMLR ทำให้ภาระจ่ายดอกเบี้ยลดลงได้อีก ซึ่งครั้งก่อน ตอนที่ BBLอนุมัติลดดอกเบี้ยMLRอยู่ที่-0.5%
