‘ต่างชาติ’พร้อมซื้อหุ้นไทย รอความชัดเจน หน้าตาครม.ใหม่ -นโยบายเคลื่อนศก.
“ไทยแลนด์โฟกัส”คึกนักลงทุนสถาบันทั่วโลกเข้าร่วมงานกว่า 200 รายบล.เกียรตินาคินภัทร ชี้ ต่างชาติพร้อมซื้อหุ้นไทย หลังเดินหน้าจัดตั้งรบ. แต่รอดูหน้าตาครม.-นโยบายศก.ก่อน “ตลท.” ย้ำธุรกิจไทยแกร่ง หวังรบ.ใหม่ เชื่อมตลาดทุนไทย ร่วมขับเคลื่อนประเทศ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)จัดงาน Thailand Focus 2023 : The New Horizon ระหว่างวันที่ 23-25 ส.ค. 2566 ได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนสถาบันทั่วโลกกว่า 200 ราย จาก 96 สถาบันทั่วโลกเข้าร่วมงาน
นายศุภโชค ศุภบัณฑิต กรรมการผู้จัดการใหญ่ บล.เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตอนนี้ พบว่านักลงทุนต่างชาติรอซื้อหุ้นไทย หลังขายติดต่อกันมาตลอด แต่จากได้นากยกฯเป็นพัฒนาการที่ดีต่อบรรยากาศการลงทุน ซึ่งส่วนหนึ่งนักลงทุนต่างชาติตอบรับข่าวดังกล่าวไปบางส่วนแล้ว
"ตอนนี้นักลงทุนต่างชาติ ยังมีเงินลงทุนรอซื้อหุ้นไทย เพียงแต่รอดูหน้าตาคณะรัฐมนตรี (ครม.)และนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่ จะเป็นบวกกับเซ็กเตอร์ไหน เพื่อวางแผนที่จะลงทุนอย่างไรต่อไป "
นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ช่วง 5-10 ปีที่ผ่านมา กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง คือ “กลุ่มเซอร์วิส” ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่เจริญเติบโตสูงในแง่ของกำไร เช่น คอมเมิร์ซ, ท่องเที่ยว, ขนส่ง เป็นต้น และตอนนี้ประเทศไทยก็มีความโดดเด่นเรื่องของอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ อย่างมาก เช่น ภาพยนตร์, ซีรีส์, กีฬามวย, บริการสปา เป็นต้น
ส่วนอุตสาหกรรมดังเดิมที่มีความแข็งแกร่งจะนำมาพัฒนาต่อยอดเพิ่มมูลค่า ดึงดูดการลงทุนในระยะยาว เช่น ท่องเที่ยว จะทำอย่างไรให้นักท่องเที่ยวกลับมาเที่ยวไทยมากขึ้น ซึ่งสิ่งสำคัญไม่ใช่แค่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านกายภาพ (Hard Infrastructure) แต่ต้องลงไปถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านมาตรฐาน (Soft Infrastructure) เช่น การเพิ่มActivity หรือสร้างโปรแกรมที่จะดึงดูดต่างชาติเข้ามามากขึ้น
อีกทั้งไทยจะต้องจับตลาดและอาศัยความแข็งแกร่งจากการย้ายฐานของซัพพลายเชนที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ โดยเฉพาะในเรื่องของรถยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ รวมถึงภาคอสังหาริมทรัพย์ และทางด้านความยั่งยืน (ESG ) เป็นเรื่องที่ทั่วโลกให้ความสำคัญและเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจเข้ามาลงทุน ซึ่งตลาดทุนไทยได้รับการยอมรับในการความพยายามผลักดันเรื่องนี้ทั้งในระดับนานาชาติมากขึ้น
“ตลาดทุนไทยมีเสน่ห์อยู่แล้ว แต่จะต้องต่อเสน่ห์ที่มีอยู่และเพิ่มเสน่ห์ใหม่ๆ ต่อไปอย่างไร คงต้องรอดูในระดับนโยบายของรัฐบาลใหม่ว่าจะมีนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศและเชื่อมโยงตลาดทุนไทยไปข้างหน้าอย่างไรต่อไป”
นายแมนพงศ์ กล่าวว่า ตลท.เตรียมร่วมกับรัฐบาลใหม่ดึงดูดการลงทุน มุ่งให้ความสำคัญในอุตสาหกรรม Growth Engine ซึ่งที่ผ่านมามีการดำเนินการเรื่องเกณฑ์การรับหลักทรัพย์ใหม่ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับบริษัทที่มีขนาดใหญ่ แต่อาจจะยังไม่มีกำไร สามารถเข้ามาในเกณฑ์ new economy ดังกล่าวได้
รวมถึงได้สนับสนุนกลุ่มสตาร์ตอัปและเอสเอ็มอี ผ่านการพัฒนา Live platform เมื่อ 2 ปีที่แล้ว และเมื่อปีที่ผ่านมาได้เปิดตัวตลาดหุ้น LiVEx ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากสตาร์ตอัปและเอสเอ็มอี ซึ่งจะเป็นสิ่งที่ดำเนินการต่อไป พร้อมปรับปรุงให้เข้ากับสถานการณ์และผู้ใช้บริการมากขึ้น
ส่วนถัดมาคือให้ความสำคัญกับการนำดาต้ามาใช้ในการประมวลผลต่าง ๆ เพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ หรือพัฒนาศักยภาพของตลาดทุนรวมกับการกำกับดูแล ซึ่งจะทำให้สามารถดูแลกำกับการซื้อขายได้ดีขึ้น
“หากการจัดตั้งรัฐบาลใหม่มีความชัดเจนมากขึ้น จากนี้คงต้องพิจารณานโยบายเศรษฐกิจ หรือนโยบายต่างๆ ว่าจะสนับสนุนตลาดทุนหรือเศรษฐกิจโดยภาพรวมอย่างไร ส่วนเรื่องภาษีขายหุ้นคงเข้าไปให้ข้อมูล ผลดีผลเสียที่จะเกิดขึ้นต่อภาพรวม แล้วแต่รัฐบาลใหม่จะตัดสินใจทำหรือไม่”