ดาวโจนส์พุ่งกว่า 100 จุด ใกล้ทะลุแนว 35,000 เก็งเฟดปิดฉากขึ้นดอกเบี้ย

ดาวโจนส์พุ่งกว่า 100 จุด ใกล้ทะลุแนว 35,000 เก็งเฟดปิดฉากขึ้นดอกเบี้ย

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันศุกร์(1ก.ย.)พุ่งขึ้นกว่า 100 จุด ใกล้ทะลุแนว 35,000 จุด ขานรับคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปิดฉากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมที่เหลืออีก 3 ครั้งในปีนี้ หลังการเปิดเผยรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวขึ้น 115.80 จุด หรือ 0.33% ปิดที่ 34,837.71  จุด
  • ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 0.18% ปิดที่ 4,515.77 จุด
  • ดัชนีแนสแด็ก ร่วงลง 0.02% ปิดที่ 14,031.81 จุด

 

นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากถ้อยแถลงของนายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟด สาขาแอตแลนตา ซึ่งระบุว่า เฟดอาจไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกต่อไป

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะปิดทำการในวันจันทร์ที่ 4 ก.ย. เนื่องในวันแรงงานสหรัฐ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวขึ้น 115.80 จุด หรือ 0.33% ปิดที่ 34,837.71  จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 0.18% ปิดที่ 4,515.77 จุด และดัชนีแนสแด็กร่วงลง 0.02% ปิดที่ 14,031.81 จุด

นักลงทุนเทน้ำหนักมากกว่า 90% ในการคาดการณ์ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ หลังการเปิดเผยรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์

ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 93.0% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 19-20 ก.ย. และให้น้ำหนักเพียง 7.0% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.50-5.75%

นอกจากนี้ FedWatch Tool ยังบ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมเดือนพ.ย.และธ.ค.

ตลาดมองว่าอัตราการว่างงานที่พุ่งขึ้นในรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันนี้ รวมทั้งตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงานที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งบ่งชี้ถึงการชะลอตัวของเงินเฟ้อ จะเป็นปัจจัยหนุนให้เฟดยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในวัฏจักรปัจจุบัน แม้ว่าตัวเลขการจ้างงานสูงกว่าคาด

ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 187,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 170,000 ตำแหน่ง

ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.8% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2565 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.5%

นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐ ยังได้ปรับตัวเลขการจ้างงานในเดือนก.ค. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 157,000 ตำแหน่ง จากเดิมรายงานว่าเพิ่มขึ้น 187,000 ตำแหน่ง

ขณะเดียวกัน ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 4.3% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.4%

เมื่อเทียบรายเดือน ค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 0.2% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.3%

ทั้งนี้ ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงนับเป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ

ส่วนตัวเลขอัตราการเข้าสู่ตลาดแรงงานสหรัฐ ซึ่งแสดงสัดส่วนของกำลังแรงงานต่อจำนวนประชากรทั้งหมด อยู่ที่ระดับ 62.8% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2563

ด้านนายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟด สาขาแอตแลนตา กล่าวว่า เฟดอาจไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกต่อไป

"ผมคิดว่านโยบายการเงินมีความเข้มงวดอย่างเหมาะสมแล้ว โดยเราควรใช้ความระมัดระวังและอดทน โดยปล่อยให้นโยบายที่เข้มงวดดังกล่าวยังคงมีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจ มิฉะนั้นเราอาจคุมเข้มนโยบายการเงินมากเกินไป และทำให้เศรษฐกิจได้รับผลกระทบโดยไม่จำเป็น" นายบอสติกกล่าว

อย่างไรก็ดี นายบอสติกกล่าวย้ำว่า "สิ่งที่ผมกล่าวมานี้ไม่ได้หมายความว่าผมสนับสนุนให้เฟดผ่อนคลายนโยบายการเงินในไม่ช้า"