‘หุ้นค้าปลีก-ขนส่ง’ตีปีก รับประชุม ครม.นัดแรก

‘หุ้นค้าปลีก-ขนส่ง’ตีปีก  รับประชุม ครม.นัดแรก

"บล.ยูโอบี เคย์เฮียน" ชี้ หุ้นค้าปลีก - ขนส่ง” จ่อรับเซนทิเมนต์เชิงบวก จากนโยบายกระตุ้น ครม.เศรษฐา 1 ลดราคาน้ำมันดีเซลในประเทศ - ค่าไฟฟ้า แนะรอจังหวะดัชนีย่อตัวเข้าสะสม แต่เป็นแรงกดดันหุ้นพลังงาน โดยขายทำกำไรระยะสั้น

คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ จะเริ่มประชุมครั้งแรก 12 ก.ย.2566 ซึ่งน่าจะมีมติหลักในเรื่องการลดค่าไฟฟ้า และราคาน้ำมัน ที่ย้อนแย้งกับราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น แต่ก็ถือเป็นประโยชน์ในการลดภาระค่าใช้จ่ายครัวเรือน และการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งดีต่อหุ้นในหลายกลุ่มทั้งขนส่ง ค้าปลีก และสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร ฯลฯ

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า จากนโยบายรัฐบาลใหม่ ครม. เศรษฐา1  ทั้งการปรับลดราคาขายปลีกน้ำมัน   ส่งผลดีต่อกลุ่มโลจิสติกส์ และบริการขนส่ง  เพราะทำให้ต้นทุนปรับตัวลดลง ซึ่งหุ้นที่ได้ประโยชน์ เช่น  MENA , ATP30  รวมการปรับลดค่าไฟฟ้า น่าจะมีผลต่อปรับลดค่า FT ทำให้ต้นทุนพลังงานของธุรกิจค้าปลีกมีโอกาสปรับลดลง หุ้นที่ได้ประโยชน์ เช่น CPALL ,CPAXT,CRC เป็นต้น  

ขณะเดียวกันนโยบายรัฐบาลใหม่ดังกล่าว เป็นแรงกดดันต่อหุ้นกลุ่มพลังงานและไฟฟ้า  ทำให้มีแรงขายทำกำไรออกมา หลังจากราคาหุ้นกลุ่มนี้ปรับตัวขึ้นมาก่อนหน้านี้ และการปรับลดราคาขายปลีกน้ำมัน ทำให้หุ้นกลุ่มสถานีน้ำมัน(ปั๊มน้ำมัน) ได้รับผลกระทบระยะสั้น รวมถึงการปรับค่าไฟฟ้า อีกมุมหนึ่งจะกระทบกับกลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้าที่ขายให้กับภาคเอกชน หรือ โรงไฟฟ้าแบบSPP และกลุ่มพลังงานทดแทนอย่าง EA, GPSC, BGRIM  แต่มองว่าเป็นปัจจัยกดดันระยะสั้น 

อย่างไรก็ตาม ในสัปดาห์นี้มองดัชนีหุ้นไทยในเชิงบวก แต่ยังแกว่งตัวกรอบแคบ มีทั้งแรงส่ง และความเสี่ยงจากประเด็นนโยบายรัฐบาลใหม่ ที่ยังต้องติดตามในรายละเอียดที่ชัดเจน ที่จะประกาศนโยบาย 12 ก.ย.นี้  โดยเฉพาะนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท ที่ตลาดคาดหวังเชิงบวกแล้ว แต่การใช้จ่ายงานจริงอาจไม่สามารถใช้ได้อย่างที่หวังทำให้ผลของมาตรการยังจำกัด คาดว่าดัชนีหุ้นไทยที่ต้านระดับ 1,580 จุด น่าจะเริ่มมีแรงขายทำกำไรออกมา และแนวรับ 1,540 -1,550 จุด  ซึ่งหากมาถึงระดับดังกล่าวแนะทยอยเข้าไปเก็บสะสมหุ้นที่ได้ประโยชน์จากนโยบายรัฐบาลใหม่ได้  

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส  กล่าวว่า  ฝ่ายวิจัยฯ มองว่า นโยบายรัฐบาลชุดใหม่  ครม.เศรษฐา1 ลดราคาพลังงาน ทั้งค่าไฟ  ก๊าซธรรมชาติ น้ำมันดีเซล หนุนต้นทุนธุรกิจลดลงได้ นำโดยกลุ่มค้าปลีก BJC , CPALL , CRC และ CPAXT หรือ หุ้นได้ประโยชน์จากความต้องการใช้รถบรรทุกเพิ่ม ได้แก่ TIDLOR, THANI   

นายรัฐศักดิ์ พิริยะอนนท์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า วานนี้ SET index ปรับตัวลงแรงสวนทางตลาดภูมิภาคที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตอบสนองเชิงบวกมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯของจีน ขณะที่ไทยตลาดหุ้นมีการพักตัวต่อจากปลายสัปดาห์ก่อนหลังตัวดัชนีวิ่งขึ้นแรงต่อเนื่องรวมกว่า 50 จุดตั้งแต่โหวตนายกฯผ่าน

ประกอบกับมีข่าวเชิงลบของกลุ่มพลังงานเข้ามาฉุดเพิ่มทั้งในส่วนของ TOP ที่เกิดเหตุน้ำมันรั่วไหล และประเด็นมาตรการลดราคาพลังงานค่าไฟ และน้ำมันดีเซลของ ครม.เศรษฐา 1 ส่วนการปรับลดค่าไฟคาดรัฐบาลจะใช้กลไกการยืดการชำระหนี้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ไปก่อนผ่านการปรับลดค่า Ft ในช่วงที่ต้นทุนไฟฟ้ายังสูงอยู่ซึ่งจะมีผลกระทบต่อ GPM ของโรงไฟฟ้าประเภท SPP ในระยะสั้น

ขณะที่การลดราคาน้ำมันดีเซลผ่านการลดภาษีสรรพสามิตไม่มีผลกระทบต่อค่าการตลาดของกลุ่มค้าปลีกน้ำมัน แต่ข่าวสร้างความกังวลเชิงจิตวิทยาทำให้ราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานปรับลดลงหมดเพราะกังวลว่ารัฐบาลอาจไปแตะกลไกลตลาด  

เรามองเป็นจังหวะเข้าทยอยซื้อสะสมหุ้นที่คาดจะได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ เมื่อราคามีการปรับย่อตัว ประเมินกรอบ SET index สัปดาห์นี้ที่ 1,545 - 1,575 จุด

   

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์