เปิดโผ 14 หุ้นเด็ด รับ ‘วัยเกษียณ’ เสี่ยงต่ำ-ผลตอบแทนสูง
เปิดโผ 14 หุ้นเด็ด รับ ‘วัยเกษียณ’ เสี่ยงต่ำ-ผลตอบแทนสูง "กูรู" เผย หุ้นกลุ่มโรงพยาบาล ธุรกิจมั่งคง ปลอดภัย ด้านกลุ่มธนาคาร TISCO จ่ายปันผลสูง ปีละ 8 -9 บาท
30 กันยายนของทุกปี ถือเป็นวันเกษียณอายุราชการและบริษัทเอกชน ฉะนั้นการลงทุนเพื่อเก็บเงินไว้ใช้หลังเกษียณจึงมีความสำคัญยิ่ง และการลงทุนในหุ้นก็ยังอยู่ในลิสต์ที่ให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า แต่ทว่าต้องมีการเลือกประเภทของหุ้นให้เหมาะสมกับช่วงเวลา ซึ่งในวัยเกษียณนั้นหุ้นขนาดใหญ่ ที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งหรือหุ้นกลุ่มที่มีความปลอดภัย (Defensive Stock) หรือหุ้นจ่ายเงินปันผล (Dividend Stock) หรือหุ้นที่ดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงความยั่งยืน หรือหุ้น ESG จึงเป๋็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
กิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้ข้อมูลกับกรุงเทพธุรกิจว่า พอเข้าสู่ช่วงของการเกษียณอายุสิ่งสำคัญที่นักลงทุนจะต้องคิดคือ กระแสเงินสดที่มีอยู่มีการเปลี่ยนแปลงมากน้อยแค่ไหนจากช่วงก่อนตอนเกษียณอายุหรือไม่ เช่น บางท่านหากเป็นข้าราชการ หรือพนักงานเอกชน หากกระแสเงินสดหายไปเลย หรือไม่มีเลย สไตส์การลงทุนอาจจะต้องมีความระมัดระวังค่อนข้างสูง
แต่หากช่วงเกษียณอายุไปแล้ว นักลงทุนบางท่านอาจะยังมีกระแสเงินสดอยู่ ถ้าหากเป็นข้าราชการและมีบำนาญในระดับที่สูง หรือมีแหล่งรายอื่น ๆ ที่มีกระแสเงินสดในระดับหนึ่ง ความสามารถในการรับความเสี่ยงก็จะสูงกว่าคนที่ไม่มีกระแสเงินสดเลย ดังนั้นสิ่งแรกจึงอยากให้พิจารณาในเรื่องของกระแสเงินสดว่า เป็นอย่างไร
ถัดมา หากไม่มีกระแสเงินหรือมีไม่เยอะมากในเชิงของการลงทุนอาจจะต้องเน้นหุ้นในกลุ่มที่มีความปลอดภัย ไม่หวือหวามาก บริษัทที่จะเลือกเข้าไปลงทุนต้องมีกระแสเงินสดที่ค่อนข้างมั่นคง อย่างไรก็แล้วแต่นักลงทุนจะหนีความเสี่ยงจากภาวะตลาด นั่นหมายความว่า หากนักลงทุนวัยเกษีียณเลือกซื้อหุ้นที่ดี แต่ผิดจังหวะ ซื้อแพงเกินไป ราคาหุ้นอาจจะมีการย่อตัวลงมาได้ เพราะฉะนั้นนักลงทุนวัยเกษียณอาจจะต้องใช้วิธีในการทยอยซื้อ
โดยกลุ่มที่ปลอดภัย แนะนำเป็นกลุ่มการแพทย์ เช่น BDMS BH BCH กลุ่มสื่อสาร เช่น ADVANC มีการจ่ายปันผลอยู่ที่ 4-5% และเป็นหุ้นที่สร้างกระแสเงินสดได้อย่างต่อเนื่อง แต่ถ้าเป็นนักลงทุนที่มีกระแสเงินสด และรับความเสี่ยงได้ อาจจะสามารถแบ่งเงินบางส่วนเข้าไปลงทุนในหุ้นกลุ่มที่มีลักษณะของการเติบโต แต่อาจจะมีความเสี่ยงมากขึ้น หรืออาจจะสามารถเก็งกำไรในหุ้นธีมใหญ่ ๆ ได้เช่น หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว เช่นหุ้น ERW SPA เป็นหุ้นกลุ่มที่อิงการท่องเที่ยวในไทยจะมีผลดีกว่า หุ้นที่อิงจากต่างประเทศ
ส่วนกลุ่มพลังงาน ที่สามารถสร้างกระแสเงินสดได้ดีโดยเฉพาะหุ้นตัวใหญ่ อย่าง PTT มีกระแสเงินสดค่อนข้างมั่นคง จ่ายปันผลในระดับ 4% ขึ้นไป และ P/E ไม่แพง ขณะกลุ่มอาหาร แม้ว่ากลุ่มอาหารจะเป็นสินค้าที่จำเป็นต้องกินต้องใช้ แต่คุณสมบัติสำคัญข้อหนึ่งก็คือ มีความเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ที่ผลประกอบการหลายครั้งที่มักจะผันผวนในวัฎจักรยาว ๆ หลาย ๆ ปีได้ หากจะเข้าไปลงทุนอาจจะต้องเป็นนักลงทุนที่มีกระแสเงินสดอยู่บ้าง เพราะว่า มีโอกาสสูงที่จะพลาด และจำเป็นที่จะต้องใช้กระแสเงินสดที่มีเข้าไปซื้อเพิ่มหรือถั่ว เพื่อปรับสถานะการลงทุน โดยหุ้นที่แนะนำคือ TU CPF BTG
และที่สำคัญสิ่งที่ต้องระวังกับความเสี่ยงที่ไม่นักลงทุนอาจจะไม่คุ้นเคย เช่น กองรีทและกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ นักลงทุนต้องเข้าใจความเสี่ยง คืออายุของสินทรัพย์ เพราะแต่ละกองสินทรัพย์ที่นักลงทุนเข้าไปซื้อเป็นการซื้อขาดหรือเป็นการเช่าช่วง หากเป็นฟรีโฮลด์ซื้อขาดจะอยู่กับเราไปยาวนาน นักลงทุนสามารถเข้าไปลงทุนระยะยาวได้ แต่มักจะมีสภาพคล่องที่ไม่สูง แต่จะมีกระแสเงินสด และมีปันผล
แต่ถ้าเป็นลีสโฮลด์สิ่งที่ต้องระวังคือเรื่องของอายุสัญญา ซึ่งจะมีความเสี่ยง ยิ่งถ้าอยู่ในช่วงท้าย ๆ ของสัญญา หากเจ้าของไม่ต่ออายุให้ก็จะทำให้ท้ายที่สุดแล้วต้องปิดตัวลงไป และจะทำให้นักลงทุนขาดแหล่งรายได้ แม้ท้ายสุดกองทุนจะคืนเงินให้นักลงทุน แต่ถ้าเข้าไปลงทุนผิดจังหวะก็อาจจะได้รับเงินคืนที่น้อยกว่าที่จะได้รับกลับมา
วีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. ฟินันเซีย ไซรัส ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า หากใกล้เข้าสู่วัยเกษียณอายุ นักลงทุนอาจจะต้องเลือลงทุนในหุ้นกลุ่ม Defensive ที่เป็นธุรกิจมั่งคงในระยะยาว เช่น กลุ่มโรงพยาบาล อย่าง BDMS และ BH ส่วนกลุ่มสื่อสาร เช่น ADVANC INTUCH ในระยะยาวยังมีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจโลกค่อนข้างต่ำ ขณะที่หุ้นกลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL และห้างสรรพสินค้า CPN ก็ถือว่ามีความน่าสนใจ
ขณะที่หุ้นกลุ่ม SETHD เป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่เหมาะกับวัยเกษียณอายุ เนื่องจากหุ้นกลุ่มนี้สามารถให้ปันผลได้ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะกลุ่มธนาคารที่สามารถให้ปันผลได้ค่อนข้างมาก แต่ก็ใช่ว่าจะสามารถเข้าไปลงทุนได้ทุกตัว ซึ่งตัวที่มีการจ่ายปันผลได้อย่างสม่ำเสมอ คือ TISCO ที่น่าสนใจ เนื่่องจากจ่ายปันผลแต่ละปีตกอยู่ที่ประมาณ 8 -9 บาท สามารถเข้าไปลงทุนได้ ขณะที่ ADVANC จ่ายปันผลอยู่ที่ 4 -5%
ส่วนหุ้นปันผลในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ก็ถือว่า ค่อนข้างให้มาก แต่อาจจะไม่เหมาะกับการถือระยะยาว สำหรับนักลงทุนที่กำลังเกษียณอายุอาจจะมีเงินทุนไม่มาก เนื่องจากเป็นธุรกิจมีการขึ้น - ลง ตามโครงการที่มีการโอน รวมถึงการขาย ซึ่งอาจจะดีบ้าง หรืออาจจะไม่ดี
นอกจากนี้หุ้นในกลุ่ม ESG ถือเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่สามารถลงทุนระยะยาวได้ ไม่ว่าจะเกษียณอายุหรือไม่เกษียณอายุก็สามารถเข้ามาลงทุนได้