‘ เซียนฮง’ ร้องทุกข์ตำรวจไซเบอร์ ถูกมิจฉาชีพแอบ นำชื่อ-รูป ชักชวนหลอกลงทุน
‘ เซียนฮง -สถาพร’ ร้องทุกข์ตำรวจไซเบอร์ หลังถูกมิจฉาชีพ นำชื่อ-รูปถ่าย ไปชวกชวนหลอกคนลงทุนมูลค่าเสียหายหลายสิบล้าน เตือนนักลงทุน รูโปรไฟล์ไม่เคยใช้รูปตัวจริง วอนทางการปฏิรูปการยิงแอดโฆษณาทั้งจากในและต่างประเทศ ป้องความเสียหายต่อคนไทยและเศรษฐกิจประเทศ
นายสถาพร งามเรืองพงศ์ นักลงทุนรายใหญ่ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (15 พ.ย.) ตนพร้อมด้วยทนายความได้เดินทางเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.)
เพื่อให้ดำเนินคดีกับมิจฉาชีพ ที่ได้นำชื่อ และรูปถ่าย ไปทำการตัดต่อเพื่อหลอกลวงประชาชนให้ร่วมลงทุน พร้อมตั้งรางวัลนำจับมิจฉาชีพในครั้งนี้ 150,00 บาท
โดยก่อนหน้านี้เคยประชาชนที่หลงเชื่อจากการเอาชื่อและรูปถ่ายไปของตน ไปแอบอ้างให้ร่วมลงทุนแล้วและเกิดความเสียหายเป็นมูลค่าหลายสิบล้านบาท
ตนจึงอยากจะเตือนภัยกลโกงของมิจฉาชีพ เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข่าวอย่างทั่วถึงและไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพจากการหลอกลวงในลักษณะดังกล่าว
“ผมไม่เคยมีการชักชวนประชาชนให้ลงทุน หรือบอกหุ้นในทุกช่องทาง มีเฉพาะการให้ความรู้หรือแนวคิดการลงทุนในช่องทางยูทูบส่วนตัวและเพจสื่อชื่อดังเท่านั้น และที่สำคัญ โปรไฟล์รูปไลน์หรือเฟชบุ๊กส่วนตัวของผม ไม่เคยใช้รูปตัวเองเลย ถ้าเจอใช้รูปผมแสดงว่าปลอม ถูกหลอกลงทุนแน่นอน และผมไม่เคยยิงโฆษณาโปรโมทเพจแต่อย่างใด”
นายสถาพร กล่าวว่า เมื่อช่วงเดือน ส.ค.ปีก่อน มีผู้เสียหายจากการหลงเชื่อจากการเอาชื่อและรูปถ่ายของตนไปแอบอ้างให้ร่วมลงทุนแล้วที่จังหวัดภูเก็ต มีผู้เสียหาย 1 ราย เกิดความเสียหายเป็นมูลค่า 18 ล้านบาท โดยถูกหลองลงทุนจากเพจและแอดผ่านกลุ่มไลน์ที่แอบอ้าง เริ่มลงทุนเพียง1,000บาท ได้รับผลตอบแทนแน่นอน ชักชวนให้ลงทุนเครื่องใช้ไฟฟ้า และรถสปอร์ต
กรณีนี้ได้ไปเป็นพยานในชั้นศาลถูมิจฉาชีพนำชื่อและรูปไปใช้แอบอ้าง และทางตำรวจตามจับเซิร์ฟเวอร์อยู่ชายแดนและจับกุมผู้กระทำผิดเป็นบัญชีม้า จำคุกไป 2 ราย ส่วนตัวการใหญ่กำลังต่อสู้ในชั้นศาล
และล่าสุด ในช่วง 1-2สัปดาห์ ที่ผ่านมา พบว่า การหลอกลวงลงทุน โดยใช้ชื่อและรูปตนไปแอบอ้างเพิ่มมากขึ้นกว่าปีก่อน ด้วยการยิงโฆษาทั้งช่องทางไอจี และเฟชบุ๊กมากขึ้น เพื่อชักชวนหลอกลวงคนเข้ากลุ่มไลน์ มีข้อเสนอจะมีหุ้นแจกวันละ3ตัว และมีการชักชวนไปเปิดพอร์ตต่างประเทศด้วยการให้ผลตอบแทนดีกว่า
“ญาติและเพื่อนที่รู้จักตนมาบอก และทดลองแอดเข้ากลุ่มไลน์มิจฉาชีพที่แอบอ้าง จะพบว่า คนกลุ่มไลน์ส่วนมาก จะเป็น หน้าม้าของมิจฉาชีพ จริงๆแล้วมีคนเสียหายในห้องนั้นๆไม่กี่คน แต่จะมีกลุ่มไลน์หลายกลุ่ม บอกหุ้นมั่ว และชวนไปเปิดพอร์ตต่างประเทศผ่านนายหน้า ที่ให้ผลตอบแทนสูง เชื่อว่า มีบัญชีม้าและรูปปลอม โอนเงินไป กลัวกว่ารอบนี้จะเกิดความเสียหายมากกว่าปีก่อน ตนจึงอยากเตือนประชาชนและผู้ลงทุนอย่าได้หลงเชื่อเพจหลอกลวง”
อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวอยากให้ภาครัฐ ช่วยให้เกิดการปฏิรูปการยิงโฆษณาผ่านเฟชบุ๊กและสื่อออนไลน์ เพื้อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียต่อกับคนไทยและเศรษฐกิจไทย
โดยการยิงโฆษณา จำเป็นต้องมีการตรวจสอบยืนยันตัวตนว่า เป็นบุคคลๆนั้นจริง เช่น การยืนยันใบหน้าของคนที่ถูกนำไปโฆษา ต้องตรงกับเจ้าของบัญชีตัวจริง ทั้งการกระทำในประเทศและต่างประเทศ เพราะที่ผ่านมาหากเป็นเซิร์ฟเวอร์ ยิงโฆษณามาจากต่างประเทศและตามชายแดน เช่น พม่า เขมร ยังไม่สามารถติดตาม จับมิจฉาชีพได้ เลยหรือตามจับได้ แต่ใช้ระยะเวลานานจนเกิดความเสียหายเป็นวงกว้างไปแล้ว