เปิดโผ 5 หุ้นปันผลสูง SETHD ผลงานสุดปัง งบ 9 เดือน ปี 66 กำไรทะลุเกินหมื่นล้าน
5 หลักทรัพย์ กลุ่ม SETHD หุ้นปันผลสูง ที่สามารถสร้างผลงานช่วง 9 เดือนของปีนี้ได้อย่างยอดเยี่ยมทะลุเกิน 1 หมื่นล้านบาทขึ้นไป PTT แชมป์อันดับ 1 กำไร 9 เดือน 79,258.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 5,956.02 ล้านบาท หรือ 8.13%
เทศกาลประกาศงบไตรมาส 3 และ 9 เดือน ของปี 2566 บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ผ่านพ้นไปแล้ว ซึ่งถ้าโฟกัสไปที่กลุ่มดัชนีหุ้นปันผลสูง SETHD เป็นหุ้นที่บรรดานักลงทุนชื่นชอบกันมากนั้น พบว่ามีอยู่ 5 หลักทรัพย์ จาก 30 หลักทรัพย์ในกลุ่ม SETHD ที่สามารถสร้างผลงานช่วง 9 เดือนของปีนี้ได้อย่างยอดเยี่ยมทะลุเกิน 1 หมื่นล้านบาทขึ้นไป
1.บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT
- กำไร 9 เดือน ปี 66 อยู่ที่ 79,258.87 ล้านบาท
- กำไร 9 เดือน ปี 65 อยู่ที่ 73,302.85 ล้านบาท
- กำไรเพิ่มขึ้น 5,956.02 ล้านบาท หรือ 8.13%
- รายได้ 9 เดือน ปี 66 อยู่ที่ 2,359,925.88 ล้านบาท
- รายได้ 9 เดือน ปี 65 อยู่ที่ 2,583,490.89 ล้านบาท
- รายได้ลดลง 223,565.01 ล้านบาท หรือ -8.65%
- อัตราเงินปันผลตั้งแต่ต้นปี 66 ที่ 5.84%
2.บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP
- กำไร 9 เดือน ปี 66 อยู่ที่ 58,422.44 ล้านบาท
- กำไร 9 เดือน ปี 65 อยู่ที่ 55,290.75 ล้านบาท
- กำไรเพิ่มขึ้น 3,131.69 ล้านบาท หรือ 5.66%
- รายได้ 9 เดือน ปี 66 อยู่ที่ 228,613.50 ล้านบาท
- รายได้ 9 เดือน ปี 65 อยู่ที่ 243,253.60 ล้านบาท
- รายได้ลดลง 14,640.10 ล้านบาท หรือ -6.02%
- อัตราเงินปันผลตั้งแต่ต้นปี 66 ที่ 5.84%
3.ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB
- กำไร 9 เดือน ปี 66 อยู่ที่ 30,504.96 ล้านบาท
- กำไร 9 เดือน ปี 65 อยู่ที่ 25,588.55 ล้านบาท
- กำไรเพิ่มขึ้น 4,916.41 ล้านบาท หรือ 19.21%
- รายได้ดอกเบี้ย 9 เดือน ปี 66 อยู่ที่ 83,057.58 ล้านบาท
- รายได้ดอกเบี้ย 9 เดือน ปี 65 อยู่ที่ 65,798.19 ล้านบาท
- รายได้เพิ่มขึ้น 17,259.39 ล้านบาท หรือ 26.23%
- รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ 9 เดือน ปี 66 อยู่ที่ 21,303.08 ล้านบาท
- รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ 9 เดือน ปี 65 อยู่ที่ 20,998.16 ล้านบาท
- รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการเพิ่มขึ้น 304.92 ล้านบาท หรือ 1.45%
- อัตราเงินปันผลตั้งแต่ต้นปี 66 ที่ 3.71%
4.บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC
- กำไร 9 เดือน ปี 66 อยู่ที่ 22,083.57 ล้านบาท
- กำไร 9 เดือน ปี 65 อยู่ที่ 18,647.99 ล้านบาท
- กำไรเพิ่มขึ้น 3,435.58 ล้านบาท หรือ 18.42%
- รายได้ 9 เดือน ปี 66 อยู่ที่ 138,279.14 ล้านบาท
- รายได้ 9 เดือน ปี 65 อยู่ที่ 137,383.79 ล้านบาท
- รายได้เพิ่มขึ้น 895.35 ล้านบาท หรือ 0.65%
- อัตราเงินปันผลตั้งแต่ต้นปี 66 ที่ 3.53%
5.ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TTB
- กำไร 9 เดือน ปี 66 อยู่ที่ 13,595.69 ล้านบาท
- กำไร 9 เดือน ปี 65 อยู่ที่ 10,347.87 ล้านบาท
- กำไรเพิ่มขึ้น 3,247.82 ล้านบาท หรือ 31.39%
- รายได้ดอกเบี้ย 9 เดือน ปี 66 อยู่ที่ 42,259.49 ล้านบาท
- รายได้ดอกเบี้ย 9 เดือน ปี 65 อยู่ที่ 37,790.86 ล้านบาท
- รายได้เพิ่มขึ้น 4,468.63 ล้านบาท หรือ 11.82%
- รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ 9 เดือน ปี 66 อยู่ที่ 10,461.55 ล้านบาท
- รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ 9 เดือน ปี 65 อยู่ที่ 10,292.78 ล้านบาท
- รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการเพิ่มขึ้น 168.77 ล้านบาท หรือ1.63%
- อัตราเงินปันผลตั้งแต่ต้นปี 66 ที่ 4.63%
กรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) หรือ KCS ให้ข้อมูลกับกรุงเทพธุรกิจว่า การที่นักลงทุนจะเลือกหุ้นกลุ่ม SETHD สิ่งที่ต้องพิจารณาเลิือกเข้าไปลงทุนอาจจะต้องดูหุ้นตัวที่มีการปรับฐานลงมามาก หรือ ช่วง YTD ปรับตัวลงมากกว่า 15% ถือว่าค่อนข้างน่าสนใจ รวมถึงต้องเป็นหุ้นกลุ่มที่มีทิศทางการฟื้นตัวในช่วงไตรมาส 4/66 และในปี 2567 จะทำให้ตัวหุ้นปรับขึ้นมาได้เร็ว และอัตราดอกเบี้ยนโยบายปัจจุบันอยู่ที่ 2.5% ขณะที่บอนด์ยีลด์ 10 ปีของบ้านเราอยู่ที่ระดับ 2.9% ควรจะให้ปันผลมากกว่า 3% ขึ้นไป หากหุ้นตัวนั้นมีคุณสมบัติครบดังกล่าวก็สามารถเลือกเข้าไปลงทุนได้
ส่วนข้อมูลที่ต้องระวัง นักลงทุนอาจจะต้องพิจารณาตัวของธุรกิจที่ยังไม่มีการฟื้นตัว แม้ว่ามีความน่าสนใจแต่ราคาอาจจะมีการปรับตัวลงไปต่ออีกได้ เช่น กลุ่มธุรกิจเดินเรือ P/E อาจจะต่ำลงมา แต่ภาพของธุรกิจยังไม่ฟื้น รวมถึงกลุ่มธุรกิจถุงมือยาง เป็นต้น ดังนั้นควรเลือกกลุ่มธุรกิจที่มีแนวโน้มกำไรเติบโตได้ หรือฟื้นตัวได้
ณัฐ ตรีพูนสุข ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า นักลงทุนจะเลือกเข้าไปลงทุนในหุ้นกลุ่ม SETHD ต้องเข้าไปดูว่ากำไรบริษัทนั้น ๆ ทำได้ หรือปันผลที่สามารถจ่ายได้ในปีนี้ เป็นเรื่องปกติหรือว่ามีรายพิเศษเข้ามาแทรก เพราะในบางครั้งนักลงทุนอาจจะติดกับดักเงินปันผลได้ เช่น บริษัทนั้น ๆ อาจจะมีการขายที่ดินในไตรมาสนั้น ๆ พอดี หรือในปีนั้น ๆ แล้วมีการจ่ายเงินปันผลออกมาค่อนข้างมาก
วิธีที่ง่ายที่สุด นักลงทุนต้องไปดูว่า ในอดีตบริษัทนั้นสามารถจ่ายเงินปันผลในระดับเดียวกันได้ยาวนานแค่ไหน หรืออาจจะเฉลี่ยอยู่ที่ 3 ปี หรือ 5 ปี ที่ผ่านมาจ่ายปันผลได้อย่างสม่ำเสมอหรือไม่ รวมถึงต้องดูแนวโน้มผลประกอบการในอนาคตด้วย เช่น สมมุติหากบริษัททำธุรกิจกล้องฟิล์มในอดีตเคยจ่ายปันผลได้สูง แต่แนวโน้มในอนาคตเริ่มเห็นแล้วว่า หลายคนหันไปใช้กล้องดิจิทอลมากกว่ากล้องฟิล์ม ดังนั้นเงินปันผลในอดีตไม่ได้หมายความว่า จะจ่ายเงินปันผลได้ดีในอนาคต เพราะขึ้นอยู่กับผลกำไรของบริษัทด้วย ซึ่ง 2 ปัจจัยหลักนี้ ควรนำมาเป็นข้อมูลประกอบ
นอกจากนี้ในช่วงที่จังหวะตลาดหุ้นปรับตัวลงมาค่อนข้างมาก ณ ปัจจุบัน ฉะนั้นแล้ว นักลงทุนจะต้องเข้าไปดูด้วยว่า ราคาหุ้นมีการปรับตัวลงมาด้วยหรือไม่ เพราะจะมีหุ้นบางกลุ่มที่ราคารปรับตัวลงมาด้วยเช่นกัน ซึ่งตรงนี้มองว่า เป็นโอกาสในการเข้าไปลงทุน ขณะที่นักลงทุนเข้าไปซื้อหุ้นที่มีราคาค้างอยู่ในระดับบน ๆ นักลงทุนอาจจะเสียโอกาสไปบางส่วนได้เช่นกัน แต่อย่างไรก็ตาม เป็นการแลกมาด้วยความสบายใจว่า หุ้นนั้นค่อนข้างแข็งแกร่งไม่ว่าสถานการณ์อะไรเข้ามาก็จะผันผวนค่อนข้างต่ำ