บล.ทิสโก้คาด สิ้นปี 67 SET แตะ 1,550 จุด แนะซื้อหุ้นได้ประโยชน์ E-Receipt - ท่องเที่ยวฟื้น และหุ้นปันผล

บล.ทิสโก้คาด สิ้นปี 67 SET แตะ 1,550 จุด  แนะซื้อหุ้นได้ประโยชน์ E-Receipt - ท่องเที่ยวฟื้น และหุ้นปันผล

บล.ทิสโก้คาดดัชนีหุ้นไทยปี 67 ดีกว่าปีก่อน มองเป้าสิ้นปีที่ 1,550 จุด จาก 5 ปัจจัยหนุน คือ 1.เศรษฐกิจดี 2.กำไรบริษัทจดทะเบียนโต 3.ดอกเบี้ยเริ่มลดลง 4.ราคาหุ้นน่าสนใจ และ 5.หุ้นไทยไม่เคยลง 2 ปีซ้อน ชี้จับจังหวะหุ้นได้ประโยชน์ E-Receipt ท่องเที่ยว และหุ้นปันผล

อภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า  ปี 2566 ที่ผ่านมา เป็นปีที่น่าผิดหวังสำหรับนักลงทุนในตลาดหุ้นไทย เพราะดัชนีหุ้นไทย (SET Index) ให้ผลตอบแทนติดลบ 15% ต่ำเกือบที่สุดในโลก อย่างไรก็ดี บล.ทิสโก้ มองภาพรวมการลงทุนหุ้นไทยในปี 2567 ดีขึ้น บล.ทิสโก้ตั้งเป้า SET Index สิ้นปี 2567 ไว้ที่ 1,550 จุด จาก 5 ปัจจัยสนับสนุน ดังนี้

อภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด

1. แนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจดีขึ้น ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ และกลยุทธ์การลงทุนทิสโก้ (TISCO ESU) คาดว่าเศรษฐกิจไทยปี 2567 จะเติบโต 3.5% เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่คาดโต 2.6% องค์ประกอบหลักคาดจะกลับมาช่วยหนุนกิจกรรมเศรษฐกิจดีขึ้น ทั้งการส่งออกที่คาดกลับมาขยายตัว, การท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง และการลงทุนภาครัฐ - ภาคเอกชนที่เร่งตัวขึ้น  

2. คาดการณ์กำไรบริษัทจดทะเบียนเติบโต  อิงจากคาดการณ์กำไรต่อหุ้น (EPS) ของตลาดโดยรวม (Bloomberg Consensus) กำไรปี 2567 คาดอยู่ที่ 96.7 บาทต่อหุ้น เติบโต 16% จากปี 2566 ที่คาดอยู่ที่ 83.2 บาทต่อหุ้น เติบโตดีกว่า EPS Growth ของหุ้นโลกที่เติบโต 8%

3. วัฏจักรดอกขาขึ้นสิ้นสุดแล้ว จะเริ่มลดลงในปีนี้ ไม่ว่าเศรษฐกิจจะเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอยในปีนี้หรือไม่ บล.ทิสโก้คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในปีนี้ จะเป็นบวกต่อการประเมินมูลค่าหุ้น และราคาสินทรัพย์เสี่ยงโดยรวม  

4. ระดับประเมินมูลค่าน่าสนใจ  ในแง่ค่าเฉลี่ยอัตราราคาต่อกำไรล่วงหน้า (Fwd. PER) ปี 2567 ของดัชนีหุ้นไทย ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 14.5 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ประมาณ 17 เท่า หรืออยู่ที่ -1SD และในแง่ของอัตราส่วนราคาต่อมูลค่าทางบัญชี (PBV) นอกจากจะลดลงมาแตะระดับ -1SD ของค่าเฉลี่ยระยะยาวแล้ว ระดับ PBV ที่ 1.3 - 1.4 เท่ายังมีนัยสำคัญ เพราะเป็นเส้นแนวโน้ม PBV ระยะยาวที่เคยผ่านวิกฤติมาแล้วถึง 3 ครั้ง (วิกฤติต้มยำกุ้งปี 2540 , วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ปี 2551 และวิกฤติ COVID-19) 

5. สถิติหุ้นไทยไม่เคยปรับตัวลง 2 ปีซ้อน  จากการศึกษาความเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยหลังวิกฤติต้มยำกุ้งเป็นต้นมา ดัชนีหุ้นไทยไม่เคยให้ผลตอบแทนติดลบ 2 ปีติดต่อกันเลย  

อภิชาติ กล่าวอีกว่า ถึงแม้ บล.ทิสโก้มองภาพรวมตลาดหุ้นไทยปี 2567 ดีขึ้น แต่นักลงทุนยังต้องระมัดระวังความผันผวนในช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากความล่าช้างบประมาณปี 2567 ทำให้เศรษฐกิจในประเทศช่วง 3-4 เดือนแรกของปีนี้ยังขาดแรงส่งที่สำคัญ 

นอกจากนี้ ห่วงว่าตลาดหุ้นสหรัฐ จะเกิดการปรับฐานหลังจากที่ขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ในปีที่แล้ว โดยตลาดอาจคาดหวังไว้สูงเกินไปเกี่ยวกับการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ที่จะเกิดขึ้นเร็วที่สุดในการประชุมเดือนมีนาคม และยังคาดหวังว่าจะลดลงมากถึง 6 ครั้งในปี 2567 หรือ -150 bps vs Dot Plot ของ Fed ล่าสุดในเดือนธันวาคม ที่คาดว่าจะลดดอกเบี้ยลง 3 ครั้ง หรือ -75 bps  โดยคาดว่า Fed จะเลือกคงดอกเบี้ยตลอดช่วงครึ่งปีแรก และจะเริ่มลดดอกเบี้ยลงเมื่อเข้าสู่ช่วงครึ่งปีหลัง  

นอกจากนี้ เศรษฐกิจสหรัฐ ที่เปราะบาง ทำให้ตลาดประเมิน Nominal GDP และ Real GDP Growth ปี 2567 จะเติบโตชะลอลงเป็น 3.7% และ 1% ตามลำดับ สวนทางกับกำไรของสหรัฐ ในปี 2567 ที่คาดว่าจะโตสูงถึง 12% ซึ่งไม่สอดคล้องกับความสัมพันธ์ในอดีตที่การเติบโตของเศรษฐกิจ และกำไรบริษัทจดทะเบียนจะเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกัน และมีความสอดคล้องกัน  หากอัตราการเติบโตเศรษฐกิจอยู่ที่ 3.7% กำไรมักจะโตเพียง 4-5% เท่านั้น ชี้ว่าคาดการณ์กำไรของสหรัฐ ในปัจจุบันนั้นอาจสูงเกินไป เสี่ยงถูกปรับลงในระยะข้างหน้า 

อย่างไรก็ตาม แม้ดัชนีหุ้นไทยครึ่งปีแรกยังคาดหวังเชิงบวกได้ไม่มาก แต่โอกาสการลงทุนมีอยู่เสมอหากเลือกได้ถูกตัว-ถูกจังหวะ มองช่วงเวลานี้เป็นจังหวะในการสะสมหุ้นที่คาดจะจ่ายเงินปันผลเด่น แนะนำ AP, KTB, SCB, SCCC, SIRI, TASCO ผสานกับหุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการ E-Receipt และการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง แนะนำ CPALL, CRC 

เพราะฉะนั้น หุ้นเด่นแนะนำในเดือนมกราคม คือ AP, CPALL, CRC, KTB, SCB, SCCC, SIRI และ TASCO ด้านแนวรับสำคัญของหุ้นไทยเดือนมกราคมอยู่ที่ 1390 จุด และแนวรับต่อไปที่ 1,365 – 1,370 จุด และ 1,355 จุด ตามลำดับ และแนวต้านสำคัญของ SET Index เดือนนี้อยู่ที่ 1,420 - 1,430 จุด และแนวต้านถัดไปที่ 1,460 - 1,470 จุดตามลำดับ 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์