ดาวโจนส์ทะยานเกือบ 400 จุด ขานรับความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐพุ่ง
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันศุกร์(19ม.ค.)พุ่งขึ้นเกือบ 400 จุด ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ทำลายสถิติสูงสุดตลอดกาล ขานรับดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐพุ่งขึ้นเกินคาด
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวขึ้น 395.19 จุด หรือ 1.05% ปิดที่ 37,863.80 จุด
- ดัชนีเอสแอนด์พี 500 บวก 1.23% ปิดที่ 4,839.81 จุด
- ดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 1.70%ปิดที่ 15,310.97 จุด
ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐพุ่งขึ้นสู่ระดับ 78.8 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2564 และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 70.2 จากระดับ 69.7 ในเดือนธ.ค.
ผู้บริโภคเพิ่มความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคต ขณะที่คลายความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ ผู้บริโภคคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น 2.9% ในช่วง 1 ปีข้างหน้า ลดลงจากระดับ 3.1% ในการสำรวจเดือนที่แล้ว
นอกจากนี้ ผู้บริโภคยังคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น 2.8% ในช่วง 5 ปีข้างหน้า ลดลงจากระดับ 2.9% ในการสำรวจเดือนที่แล้ว
ทั้งนี้ เฟดจะเริ่มเข้าสู่ช่วง Blackout Period ในวันที่ 20 ม.ค. ก่อนที่เฟดจะจัดการประชุมกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ในวันที่ 30-31 ม.ค.
กฎระเบียบของเฟดได้ระบุห้ามเจ้าหน้าที่เฟดแสดงความเห็นหรือให้สัมภาษณ์ในช่วง Blackout Period เกี่ยวกับนโยบายการเงิน โดยเริ่มตั้งแต่วันเสาร์ที่สองก่อนที่ การประชุม FOMC จะเริ่มขึ้น และสิ้นสุดในวันพฤหัสบดีหลังการประชุม FOMC เพื่อป้องกันไม่ให้สาธารณชนตีความว่าเป็นการบ่งชี้การดำเนินการด้านอัตราดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมนโยบายการเงินที่จะมาถึง
ด้านนายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟด สาขาแอตแลนตา กล่าววานนี้ว่า เขาคาดว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในไตรมาส 3 ของปีนี้ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อกำลังกลับสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2%
นายบอสติก กล่าวว่า "เนื่องจากผมเป็นคนที่ให้ความสำคัญต่อข้อมูลที่ได้รับ ผมจึงได้รวมความคืบหน้าที่ไม่คาดคิดเกี่ยวกับเงินเฟ้อและกิจกรรมทางเศรษฐกิจไว้ในการวิเคราะห์แนวโน้มของผม ผมจึงได้ปรับคาดการณ์กำหนดเวลาที่เฟดจะปรับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นสู่ระดับปกติในไตรมาส 3 จากเดิมที่ผมคาดไว้ในไตรมาส 4"
อย่างไรก็ดี นายบอสติกเปิดช่องสำหรับคาดการณ์กำหนดเวลาที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าไตรมาส 3
"ถ้าเรายังคงเห็นว่าข้อมูลเงินเฟ้อสามารถสร้างความประหลาดใจโดยปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง ก็มีความเป็นไปได้ที่ผมอาจจะสนับสนุนให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นสู่ระดับปกติก่อนไตรมาส 3 แต่ข้อมูลดังกล่าวจะต้องสร้างความมั่นใจอย่างแท้จริง" นายบอสติกกล่าว และเสริมว่า เป้าหมายของเฟดคือการกำหนดนโยบายที่ไม่เข้มงวดเกินไปจนส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ แต่ก็ต้องเข้มงวดเพียงพอที่จะป้องกันไม่ให้ราคาดีดตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง