ดาวโจนส์ร่วง 96 จุด นักลงทุนขายทำกำไร หลังพุ่งแรงวานนี้

ดาวโจนส์ร่วง 96 จุด นักลงทุนขายทำกำไร หลังพุ่งแรงวานนี้

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันอังคาร(23ม.ค.)ปรับตัวลง 96 จุด ขณะที่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปรับฐาน หลังดัชนีดาวโจนส์และเอสแอนด์พี 500 ทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์วานนี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ลดลง 96.36 จุด หรือ 0.25% ปิดที่ 37,905.45 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 14.17 จุด หรือ 0.29% ปิดที่ 4,864.60 จุด และดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 65.66 จุด หรือ 0.43%  ปิดที่ 15,425.94 จุด

นักลงทุนขายทำกำไรในวันนี้ หลังจากที่ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดวานนี้เหนือระดับ 38,000 จุด ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ติดต่อกันเป็นวันที่ 2 โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและหุ้นบริษัทผลิตชิปที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากวันศุกร์

นอกจากนี้ การซื้อขายในวันนี้ถูกกดดันจากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีดีดตัวเหนือระดับ 4.1% ขณะที่นักลงทุนคาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในปีนี้ในเดือนพ.ค. จากเดิมที่คาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.

นักลงทุนเทน้ำหนักต่อคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนพ.ค. จากเดิมที่คาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในเดือนมี.ค.

การเปลี่ยนแปลงคาดการณ์ดังกล่าวมีขึ้น หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเกินคาด และเจ้าหน้าที่เฟดได้ออกมาแสดงความเห็นสนับสนุนการตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงจนกว่าจะมั่นใจว่าเงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2%

ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 97.4% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 30-31 ม.ค. และให้น้ำหนัก 56.5% ที่เฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวในการประชุมวันที่ 19-20 มี.ค.

นอกจากนี้ นักลงทุนยังให้น้ำหนัก 52.7% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 31 เม.ย.-1 พ.ค. หลังจากที่ให้น้ำหนักเพียง 17.0% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

นักลงทุนหันมาจับตาตัวเลขเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะการเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 4/2566 ในวันพฤหัสบดี และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในวันศุกร์ เนื่องจากจะไม่มีการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยจากเจ้าหน้าที่เฟดในขณะนี้ โดยเฟดเริ่มเข้าสู่ช่วงงดเว้นการแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการเงิน (Blackout Period) ก่อนที่เฟดจะจัดการประชุมกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ในวันที่ 30-31 ม.ค.

กฎระเบียบของเฟดได้ระบุห้ามเจ้าหน้าที่เฟดแสดงความเห็นหรือให้สัมภาษณ์ในช่วง Blackout Period เกี่ยวกับนโยบายการเงิน โดยเริ่มตั้งแต่วันเสาร์ที่สองก่อนที่การประชุม FOMC จะเริ่มขึ้น และสิ้นสุดในวันพฤหัสบดีหลังการประชุม FOMC เพื่อป้องกันไม่ให้สาธารณชนตีความว่าเป็นการบ่งชี้การดำเนินการด้านอัตราดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมนโยบายการเงินที่จะมาถึง