'ศาลฮ่องกง’ สั่งปิดกิจการ China Evergrande หลังวืดขอปรับโครงสร้างหนี้
ราคาหุ้นของไชน่าเอเวอร์แกรนด์ (China Evergrande) ปรับตัวลดลง 20% หลังจากศาลฮ่องกงพิพากษาให้บริษัทฯ ขายทอดตลาดสินทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกงหลังเจรจาขอปรับโครงสร้างหนี้ไม่สำเร็จ
สำนักข่าวซีเอ็นบีซี (CNBC) รายงานวันนี้ (29 ม.ค.) ราคาหุ้นของไชน่าเอเวอร์แกรนด์ (China Evergrande) ปรับตัวลดลง 20% หลังจากศาลฮ่องกงพิพากษาให้บริษัทฯ ขายทอดตลาดสินทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกงเพื่อเพิ่มสภาพคล่องหลังเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ไม่สำเร็จ
คำพิพากษาดังกล่าวออกมาท่ามกลางความปั่นป่วนมหาศาลของเศรษฐกิจจีนและมาตรการรับมือจำนวนหนึ่ง
ทั้งนี้ ไชน่าเอเวอร์แกรนด์ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นหนึ่งในผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่สุดของประเทศในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาอยู่ท่ามกลางวิกฤติหนี้ของรัฐบาลท้องถิ่น
ซิว ชอว์น (Siu Shawn) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Evergrande กล่าวกับสื่อจีนว่า มั่นใจได้ว่าโครงการบ้านที่สร้างอยู่จะยังคงได้รับการส่งมอบแม้จะมีคําสั่งชําระบัญชี (Liquidate) คําสั่งดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อการดําเนินงานของทั้งฝั่งออชอร์และออฟชอร์
ก่อนหน้านี้สำนักข่าววอลล์ สตรีท เจอร์นัล (Wall Street Journal) รายงานว่า ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เอเวอร์แกรนด์ล้มเหลวในการบรรลุข้อตกลงเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งนำไปสู่การบังคับชำระหนี้ของบริษัทฯ
โดยบทวิเคราะห์ของซีเอ็นบีซี รายงานว่า ไชน่าเอเวอร์แกรนด์เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีหนี้มากที่สุดในโลก ซึ่งผิดนัดชําระหนี้ในปี 2021 และประกาศโครงการปรับโครงสร้างหนี้ในต่างประเทศในเดือนมี.ค.ปีที่แล้ว
อ้างอิง