SCBX จ่อกำไรเพิ่ม โบรกชี้ปิดดีล ‘โฮมเครดิต’ เวียดนาม-ดันพอร์ตสินเชื่อโต
ดีลใหญ่ยานแม่ SCBX ปิดจ๊อบซื้อหุ้น “โฮมเครดิต” มูลค่า 3.1 หมื่นล้าน “บล.กสิกรไทย” คาดเป็นสปริงบอร์ดขยายฐานลูกค้าพอร์ตสินเชื่อครั้งใหญ่ “บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล” มองปัจจัยบวกจากคาด “จีดีพี” เวียดนามปี 67 ที่เติบโต 5.8% หนุนผลเชิงบวกต่อผลกำไรเอสซีบี เอกซ์ ระยะยาว
หนึ่งในธนาคารใหญ่ของเมืองไทย ภายใต้ยานแม่ บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCBX ปฏิบัติการเข้าซื้อกิจการครั้งใหญ่ด้วยการให้ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ SCBX ลงนามในสัญญาซื้อขายกับ Home Credit N.V. เพื่อเข้าซื้อส่วนของทุน (Charter Capital) ในสัดส่วน 100 % ของ Home Credit Vietnam Finance Company Limited (HCV) ด้วยมูลค่าลงทุนราว 31,000 ล้านบาท โดยธุรกรรมนี้ต้องได้รับอนุมัติจากหน่วยงานกํากับดูแล และคาดดําเนินการแล้วเสร็จภายในครึ่งปีแรก 2568
นายกรกช เสวตร์ครุตมัต ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวถึงดีลดังกล่าวเป็น “กลาง” (Neutral) ซึ่งเห็นด้วยในการแสวงหาการเติบโตที่สูงในตลาดต่างประเทศ แต่ Valuation ที่เข้าลงทุน 31,000 ล้านบาท อยู่ในระดับที่สูง ซึ่งต้องอาศัยเวลาในการพัฒนาการทำงานร่วมกัน (Synergy) ระยะกลางถึงยาว
สำหรับแนวโน้มกำไร HCV ใน 5 ปีที่ผ่านมาอยู่ในกรอบ 1,500 ล้านบาท ปี 2566 กำไรอยู่ที่ 1,200 ล้านบาท ลดลงจากปี 2565 ที่มีกำไร 1,940 ล้านบาท เนื่องจากปี 2566 คาดน่าจะมาจากการตั้งสำรองที่สูงขึ้นและกำไร HCV เข้าสู่ SCBX น่าจะยังไม่มากนัก ราว 2.5-3.0% ในช่วง 1-2 ปีแรกของการเข้าซื้อกิจการ และสินทรัพย์ของ HCVN น่าจะคิดเป็นประมาณ 1% ของสินทรัพย์รวมของ SCBX
นายกรรณ์ หทัยศรัทธา นักกลยุทธ์ ฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐกิจและการลงทุน สายงานวิจัย บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) ได้ประมาณการ HCV อาจทำให้กำไรสุทธิของ SCBX ในปี 2567มีเพิ่มขึ้น 2-5% (ภายใต้สมมติฐาน ROE 13-30% ขึ้นอยู่กับอัตราการสำรองหนี้สูญและคุณภาพสินทรัพย์ของ HCV) และมองส่งผลดีต่อ SCBX จะช่วยขยายธุรกิจในอาเซียน แนะนำ “ซื้อ” SCBX ที่ราคาเป้าหมาย 145 บาท
อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยความเสี่ยงเชิงลบประกอบด้วยคุณภาพสินทรัพย์ที่ลดลงพร้อมกับอัตราการสำรองหนี้สูญที่สูงขึ้น และส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (NIM) ที่ลดลงจากต้นทุนดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นส่วนปัจจัยบวกที่จะช่วยหนุนราคาหุ้นคือการที่ SCBX มีคุณภาพสินทรัพย์โดยรวมดี, อัตราการจ่ายเงินปันผลสูงและความสำเร็จของบริษัทลูกและเงินลงทุนใหม่
บล.กรุงศรี พัฒนสิน วิเคราะห์ ธุรกรรมดังกล่าวจะคิดเป็นสัดส่วนที่ค่อนข้างน้อยเทียบกับงบดุล (ประมาณ 0.9% ของสินทรัพย์รวม ) และกําไรสุทธิ (ต่ำกว่า 5% ของกําไรสุทธิ) ของ SCBX มองว่า Home Credit Vietnam เป็นหนึ่งการขยายฐานการเติบโตของสินเชื่อไปยังภูมิภาค ซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตที่สูงกว่าไทยจากคาดการณ์การเติบโตของจีดีพีเวียดนามที่ IMF ประเมินจะเป็นหนึ่งใน 20 เศรษฐกิจที่เติบโตสูงสุดในโลก และคาดว่าจีดีพีในปี 2567 โตถึง 5.8%
อย่างไรก็ดี สินเชื่อเพื่อการบริโภคจะมี credit cost ที่สูงและมีความเสี่ยงต่อ NPLs และ SM ที่อาจจะเพิ่มขึ้น โดย Home Credit Vietnam มี credit cost อยู่ที่ 12.9% ในปี 2564 (เพิ่มขึ้นจาก 7.5%ในปี 2563) ทําให้กําไรสุทธิของบริษัทลดลง
ดังนั้น มองเป็น “กลาง” ดีลดังกล่าวกับ SCBX เนื่องจากคาดสินเชื่อ และส่วนต่างดอกเบี้ย (NIM) จะเติบโตสูงที่สุดในกลุ่มธนาคารใหญ่ในปี 2567 เช่นเดียวกับในปี 2566 จากสินเชื่อเพื่อการบริโภค รวมทั้งผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ 7% ต่อปี และ ROE ที่ 9%
อย่างไรก็ตาม คุณภาพสินทรัพย์น่าจะยังได้รับแรงกดดันจาก credit costที่คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 0.16 % สูงกว่าระดับที่ควรจะเป็นของธนาคาร และ NPL คาดว่าจะเพิ่มขึ้นกว่า3.5% ทําให้คาดกําไรสุทธิในปี 2567 จะลดลงจากปีก่อน รวมถึงสัดส่วน coverage ratio คาดจะลดลงจึงประเมินมูลค่าหุ้นค่อนข้างแพงเมื่อเทียบกับกลุ่ม อยู่ที่ PBVที่ 0.8 เท่า