หุ้นอินเดียยังคงยืนเด่นโดยท้าทาย
ตลาดหุ้นอินเดียเป็นตลาดหุ้นที่ผลตอบแทนดีที่สุดในโลก ตั้งแต่ปี 2023 จากเศรษฐกิจอินเดียมีแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่งทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
ตั้งแต่ปี 2023 ตลาดหุ้นอินเดียเป็นตลาดหุ้นที่ผลตอบแทนดีที่สุดในโลกจากปัจจัยการเติบโตของผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนและการเติบโตของเศรษฐกิจ นอกจากนี้ อินเดียมีเสถียรภาพทางการเมืองมั่นคงสูงมาก และมีจุดยืนที่ดีในด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับมหาอำนาจทั่วโลก ตลาดหุ้นอินเดียจึงดึงดูดนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างชาติ ขณะนี้ ดูเหมือนว่าสายตาของโลก หุ้นอินเดียกำลังจะถูกกำหนดให้แทนที่จีนทั้งในฐานะเป้าหมายใหม่ของนักลงทุนและบริษัทชั้นนำทั่วโลกในการกระจายห่วงโซ่อุปทานการผลิตออกจากจีน ผมคิดว่า ปัจจัยหลักที่จะหนุนให้ตลาดหุ้นอินเดียมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อในระยะยาว มี 5 ข้อดังนี้ครับ
1.เศรษฐกิจอินเดียมีแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่งทั้งในระยะสั้นและระยะยาว กองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือ IMF ประเมิน GDP อินเดียในปี 2024-2025 จะขยายตัวปีละ 6.5% (ข้อมูล ณ เดือน ม.ค. 2024) โดยอินเดียเป็นหนึ่งในน้อยประเทศที่ IMF ปรับเพิ่มตัวเลขการเติบโตของเศรษฐกิจขึ้นจากครั้งก่อนใน ต.ค. 2023 โดยมีปัจจัยสนับสนุนคือการขยายตัวของการใช้จ่ายภาครัฐและภาคเอกชน นอกจากนี้ อินเดียถูกคาดหวังให้เป็นประเทศที่จะเป็นฐานการผลิตสำคัญของโลกถัดจากจีน ส่งผลให้บริษัทต่างชาติเข้าลงทุนในอินเดียมากขึ้น รัฐบาลอินเดียได้เพิ่มการใช้จ่ายโครงสร้างพื้นฐานเพื่อให้อินเดียพร้อมเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทานการผลิตโลก
2. อินเดียได้ประโยชน์จากประชากรมากที่สุดในโลก (Demographic Dividend) ส่วนใหญ่เป็นวัยแรงงานและคาดว่าจำนวนประชากรจะยังคงเพิ่มต่อเนื่องในช่วง 10-20 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ ค่าเฉลี่ยอายุของประชากรอินเดียต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศเศรษฐกิจชั้นนำอื่น ๆ โดยอายุมัธยฐาน (Median age) ของประชากรอินเดียอยู่ที่ราว 28 ปี ขณะที่จีนและสหรัฐฯมีอายุมัธยฐานที่ 37 ปี และ 38 ปี ตามลำดับ อินเดียมีสัดส่วนประชากรวัยแรงงานมากถึง 67% และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จำนวนวัยแรงงานที่มากนี้ทำให้บรรษัทข้ามชาติมองว่าตลาดอินเดียเป็นตลาดที่กำลังขยายตัวสูงอีก 1-2 ทศวรรษจากนี้
3. บทบาทของอินเดียเพิ่มขึ้นในระเบียบโลก ในช่วงที่ผ่านมาเราเห็นอินเดียก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญในระเบียบโลกผ่านการร่วมมือกับสหรัฐฯด้านเทคโนโลยีชั้นสูงและอาวุธยุทโธปกรณ์เพื่อคานอำนาจจีน ขณะที่อินเดียนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียเพิ่มขึ้นตั้งแต่เกิดสงครามรัสเซียยูเครนทำให้ราคาน้ำมันที่สูงส่งผลต่อเศรษฐกิจอินเดียจำกัดโดยสหรัฐฯและพันธมิตรไม่สามารถประณามหรือกดดันอินเดียให้เลือกข้างได้ แสดงให้เห็นว่าอินเดียถ่วงดุลอำนาจประเทศมหาอำนาจได้ด้วยอำนาจต่อรองที่สูงของอินเดีย
4.นักลงทุนให้ความสนใจในหุ้นอินเดียเป็นอันดับ 1 ใน Emerging Market จากการสำรวจของ Official Monetary and Financial Institutions Forum เมื่อก.ย. 2023 พบว่าเกือบ 40% ของนักลงทุนที่บริหารเงินกว่า 26 ล้านล้านดอลลาร์สนใจหุ้นอินเดีย ขณะที่มีนักลงทุนเพียง 23% ที่สนใจการลงทุนในหุ้นจีน สะท้อนว่านักลงทุนสถาบันต่างมีมุมมองเชิงบวกกับการลงทุนในตลาดหุ้นอินเดียอย่างมาก
5.รัฐบาลชุดปัจจุบันนำโดย Narendra Modi มีโอกาสชนะการเลือกตั้งในเดือนเม.ย.-พ.ค. 24 อีกหนึ่งสมัยจากผลสำรวจเดือน ก.พ. 2024 “Mood of the Nation Poll” จากสื่อ INDIA TODAY ประเมินรัฐบาลนำโดย Narendra Modi จากพรรค BJP จะชนะโดยคาดรัฐบาลของ Modi จะได้ที่นั่งในสภา (โลกสภา) ราว 335 ที่นั่งจากทั้งหมด 543 ที่นั่ง (61.7%) ถ้ารัฐบาลปัจจุบันชนะเลือกตั้งตามคาด เศรษฐกิจอินเดียจะมีแนวโน้มเติบโตจากความต่อเนื่องเชิงนโยบาย
จากปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้นบริษัทหลักทรัพย์ไพน์เวลท์โซลูชั่น จำกัด มองเชิงบวกต่อการลงทุนในตลาดหุ้นอินเดีย อย่างไรก็ตามในระยะสั้น ตลาดหุ้นอินเดียอาจผันผวนที่สูง เพราะในด้านการประเมินมูลค่าหรือ Valuation ของตลาดหุ้นอินเดียอยู่ในระดับที่ไม่ถูก แต่ก็ไม่แพง อิงจาก Bloomberg Consensus 12 Month Forward P/E ของดัชนี MSCI India ณ วันที่ 6 มี.ค. 2024 เฉลี่ยที่ 23.40X เทียบเท่าค่าเฉลี่ยคาดการณ์ย้อนหลัง 10 ปีพบว่าอยู่ที่ +0.61S.D. ถือว่าแพงกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปีแต่ไม่ได้แพงมาก (มากกว่า 1.5 S.D. ถึงอยู่ใน เกณฑ์แพง) ดังนั้น การลงทุนในตลาดหุ้นอินเดียผมคิดว่าเหมาะสำหรับการลงทุนระยะยาวแต่จะลงทุนระยะสั้น หรือกลาง ยังถือว่าเหมาะสมครับจากปัจจัย 5 ข้อที่แสดงมาในข้างต้น