หุ้นน้องใหม่ NEO โชว์ฟอร์มสวย เปิดเทรดวันแรกเหนือจอง 23.72% พบ 'เซียนฮง' ถือหุ้นใหญ่
หุ้นน้องใหม่ NEO เปิดทำการซื้อขายวันแรกเหนือจอง 23.72% หรือราคาเพิ่มขึ้น 9.25 บาท หรือระดับราคาที่ 48.25 บาท จากราคา IPO ที่ 39 บาท พบเซียนฮง - สถาพร งามเรืองพงศ์ ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 6
ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยภาคเช้า ณ วันที่ 9 เมษายน 2567 หุ้นน้องใหม่ NEO หรือ บมจ. นีโอ คอร์ปอเรท เปิดทำการซื้อขายวันแรกเหนือจอง 23.72% หรือราคาเพิ่มขึ้น 9.25 บาท หรือระดับราคาที่ 48.25 บาท จากราคา IPO ที่ 39 บาท พบเซียนฮง - สถาพร งามเรืองพงศ์ ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 6 จำนวน 6,000,000 หุ้น หรือ 2.00%
สุทธิเดช ถกลศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. นีโอ คอร์ปอเรท เปิดเผยว่า NEO มุ่งมั่นที่จะเป็นบริษัท FMCG แห่งนวัตกรรมของเอเชีย ที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้บริโภค ด้วยองค์ความรู้ และประสบการณ์ที่สะสมมากว่า 30 ปี กลยุทธ์ในการทำการตลาด และการวิจัยและพัฒนา ทำให้ NEO สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค และสร้างความแข็งแกร่งให้แก่แบรนด์ การเข้าจดทะเบียนจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน และการเติบโตในอนาคต โดย NEO มีแผนที่จะนำเงินระดมทุนส่วนใหญ่ไปขยายกำลังการผลิตสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ในครัวเรือน ขยายคลังวัตถุดิบ และบรรจุภัณฑ์ และระบบบริหารจัดการคลัง เพื่อรองรับแผนการเติบโตทางธุรกิจของบริษัทในอนาคต
NEO มีผู้ถือหุ้นใหญ่หลัง IPO คือ กลุ่มครอบครัวคุณสุทธิเดช ถือหุ้นรวม 65.3% บริษัท ฟินันซ่า ฟันด์ แมนเนจเม้นท์ จำกัด ถือหุ้นรวม 6.3% โดยบริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิจากงบการเงินเฉพาะกิจการหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และการจัดสรรทุนสำรองตามกฎหมายและข้อบังคับของบริษัท ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงาน ฐานะทางการเงิน แผนการขยายธุรกิจ และปัจจัยอื่นๆ ที่เห็นสมควร
แมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยินดีต้อนรับ บมจ.นีโอ คอร์ปอเรท เข้าจดทะเบียน และเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภค และบริโภค หมวดของใช้ส่วนตัว และเวชภัณฑ์ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “NEO” ในวันที่ 9 เมษายน 2567
NEO ประกอบธุรกิจทำการตลาด ผลิต และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สินค้าอุปโภค ซึ่งประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ของใช้ในครัวเรือน ผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล และผลิตภัณฑ์ของใช้สำหรับเด็ก ภายใต้แบรนด์ที่ประสบความสำเร็จ และได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคทั้งหมด 8 แบรนด์ ได้แก่ ไฟน์ไลน์ (Fineline) ดีนี่ (D-nee) บีไนซ์ (BeNice) เอเวอร์เซ้นส์ (Eversense) ทรอส (TROS) วีไวต์ (Vivite) สมาร์ท (Smart) และโทมิ (Tomi) โดย NEO มุ่งมั่นพัฒนา และนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ และหลากหลายในราคาที่เหมาะสม เข้าใจความต้องการของผู้บริโภค
NEO มีทุนจดทะเบียนชำระแล้วหลัง IPO 300 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท เสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก จำนวนรวม 87.5 ล้านหุ้น ประกอบด้วยหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 78 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเดิมของ บมจ.เอฟเอ็นเอส โฮลดิ้งส์ จำนวน 9.5 ล้านหุ้น โดยเสนอขายต่อกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัท และบริษัทย่อย ผู้มีอุปการคุณของบริษัท และนักลงทุนสถาบัน และบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ ในระหว่างวันที่ 28-29 มีนาคม 2567 และ 1-2 เมษายน 2567 ในราคาหุ้นละ 39 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 3,042 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 11,700 ล้านบาท โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการ การจัดจำหน่าย และรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญ
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์