TISCO เผยไตรมาส 1/67 กำไร 1.7 พันล้าน ลด 3.3% รับรายได้ค่าฟีหด-ตลาดหุ้นซบ
"กลุ่มทิสโก้" เผยไตรมาส 1 ปี 2567 กำไรสุทธิ 1,733 ล้านบาท ลดลง 3.3% จากรายได้ค่าธรรมเนียมธุรกิจหลักที่ลด ตั้งสํารองหนี้เสียเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับความเสี่ยงตามแผนการเร่งขยายธุรกิจ High yield พร้อมช่วยเหลือดูแลลูกค้า และปล่อยสินเชื่ออย่างรับผิดชอบ เตรียมขึ้น XD 24 เม.ย.
นายศักดิ์ชัย พีชะพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มทิสโก้ (Mr. Sakchai Peechapat, Group Chief Executive, TISCO Financial Group Public Company Limited) เปิดเผยว่า ในไตรมาสแรกของปี 2567 กลุ่มทิสโก้มีกำไรสุทธิ 1,733 ล้านบาท ลดลง 3.3% จากไตรมาส 1 ของปีก่อนหน้า สาเหตุจากรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยในกลุ่มธุรกิจหลักชะลอตัวลง ทั้งรายได้ค่าธรรมเนียมธุรกิจหลักทรัพย์ที่ถูกกดดันจากภาวะตลาดทุนที่ยังไม่ฟื้น และรายได้ค่าธรรมเนียมธุรกิจนายหน้าประกันภัยที่อ่อนตัวลงตามปริมาณการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถใหม่ที่ชะลอตัวตามยอดขายรถยนต์ในประเทศ
อีกทั้งต้นทุนทางการเงินยังเร่งตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยปรับลดลงและคาดว่าจะถูกกดดันต่อตลอดทั้งปี
ในส่วนของสินเชื่อรวมขยายตัวเล็กน้อยที่ 0.2% จากปีก่อนหน้าส่วนใหญ่มาจากการขยายตัวของสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่สินเชื่อ SME และสินเชื่อรายย่อยในกลุ่มให้ผลตอบแทนสูง (High Yield) โดยเฉพาะสินเชื่อจำนำทะเบียน “สมหวังเงินสั่งได้”
โดยในช่วงที่ผ่านมาบริษัทเพิ่มความรอบคอบและระมัดระวังในการอนุมัติสินเชื่อรวมถึงติดตามและดูแลลูกหนี้อย่างใกล้ชิดท่ามกลางปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยังเปราะบางและคุณภาพลูกหนี้ที่อ่อนตัวลงบริษัทเพิ่มระดับการตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected Credit Loss – ECL) มาอยู่ที่ 0.5% ของสินเชื่อเฉลี่ยเพื่อรองรับความเสี่ยงของลูกหนี้ที่เพิ่มสูงขึ้น
ขณะที่ยังคงรักษาอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) อยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 20.9% ทั้งนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติการจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานปี2566 ในอัตราหุ้นละ 7.75 บาทซึ่งบริษัทได้จ่ายปันผลระหว่างกาลไปแล้วเมื่อเดือนกันยายน 2566 ที่อัตรา 2 บาทต่อหุ้นจึงเสนอจ่ายปันผลงวดสุดท้ายในอัตราหุ้นละ 5.75 บาทพร้อมเตรียมขึ้น XD วันที่24 เมษายน 2567 และจ่ายปันผลในวันที่ 15 พฤษภาคม 2567
ในระยะข้างหน้ากลุ่มทิสโก้ยังคงเดินหน้าขยายการเติบโตในธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญบนเส้นทางการเติบโตอย่างรับผิดชอบและยั่งยืนโดยให้ความสำคัญกับการรักษาความแข็งแกร่งในการบริหารจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสมกับความสามารถในการชำระหนี้และภาระหนี้ของลูกค้าตลอดจนการใช้ความเป็นมืออาชีพเข้าไปให้คำปรึกษาแนะนำลูกค้าอย่างใกล้ชิด พร้อมเดินหน้า “วางแผนอนาคต...เพื่อคุณ” เพื่อสร้างความมั่นคงทางการเงินให้คนไทยในฐานะ“Your Trusted Financial Advisor” สถาบันการเงินที่คุณเชื่อมั่นไว้วางใจได้
"ในปีนี้กลุ่มทิสโก้คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ที่ระดับ3% ลดลงจากประมาณการในครั้งก่อนที่คาดว่าจะอยู่ที่3.5% โดยเป็นการทยอยฟื้นตัวแบบ "ต้นร้าย-ปลายดี" ปัจจัยหนุนจากภาคการท่องเที่ยวที่เติบโตได้อย่างต่อเนื่องการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณที่คาดว่าจะทำได้ในช่วงหลังเทศกาลสงกรานต์เป็นต้นไปรวมถึงภาคการส่งออกสินค้าที่จะทยอยฟื้นตัวขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีอย่างไรก็ดีแม้เศรษฐกิจไทยจะมีสัญญาณที่ดีแต่ยังต้องติดตามความเสี่ยงต่างๆอย่างใกล้ชิดทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศขณะที่คาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบายมีแนวโน้มปรับลดลงในครึ่งหลังของปีและจะช่วยลดภาระต้นทุนดอกเบี้ยได้ในที่สุด
ดังนั้น ในปี 2567 นี้ทิสโก้ครบรอบ 55 ปีเราจะยังคงให้ความสำคัญกับการเติบโตอย่างมีคุณภาพพร้อมส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้คนไทยทั้งเรื่องการวางแผนการเงินให้เกษียณสุข (Social Well-being with Financial Freedom & Security) ควบคู่กับการให้ความรู้ทางการเงินเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นแก่สังคมขณะที่กลุ่มธุรกิจบรรษัทจะมุ่งให้บริการทางการเงินแก่ธุรกิจสีเขียวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเช่นการลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทนการสนับสนุนให้ลูกค้าปรับตัวไปสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำเป็นต้น" นายศักดิ์ชัยกล่าว