BH ฐานลูกค้าต่างชาติแข็งแกร่ง อัพไซด์เหลืออื้อ 23.5% คาดกำไรทั้งปีเพิ่ม 15%
BH ฐานลูกค้าต่างชาติแข็งแกร่ง มีประสิทธิภาพในการทำกำไรสูงสุดโดยมี ROE ปี66 สูงสุดในกลุ่ม รพ. คือสูงถึง 32.2% และยังเห็นการเติบโตต่อเนื่องได้ตามการเติบโตของผู้ป่วยต่างชาติ ขณะราคาเป้าหมายปีนี้อิงวิธี DCF อยู่ที่ 300 บาท ยังมี upside 23.5%
บล.แอลเอช ระบุผ่านบทวิเคราะห์ว่า ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ 2Q67 BH เติบโต single digits คาดว่าทั้งคนไข้ชาวไทย และชาวต่างชาติจะเข้ามารักษาเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะชาวตะวันออกกลาง ที่มีผลกระทบรอมฎอนเหลือเพียง 9 วัน รวมถึงคนชาวจีน และยุโรป สะท้อนได้จากตัวเลขชาวต่างชาติที่เดินทางมาไทยในเม.ย. 67เพิ่มขึ้น 21% YoY ขณะ 2 เดือนที่เหลือของ 2Q67 คาดจะเพิ่มขึ้น YoY ไม่ถึง 10% โดยคาดอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้น YoY จากผลบวกของการปรับขึ้นราคาในช่วงที่ผ่านมา รวมถึง BH มีการควบคุมค่าใช้จ่าย SG&A ที่ค่อนข้างดีเป็นผลให้คาดกำไร 2Q67 จะสามารถเติบโตได้เกิน 10% YoY
ทั้งนี้ คาดช่วงที่เหลือของปีนี้ผู้ป่วยต่างชาติจะเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะ 2H67 แม้จะได้รับผลบวกจากการปรับขึ้นราคาเพียง 4% ภายใต้สมมติฐานไม่มีการปรับขึ้นราคาช่วงกลางปีเหมือนปีก่อน โดยใน ก.ค.67 จะเพิ่มจำนวนเตียง ICU อีก 12 เตียง ทำให้จำนวนเตียงเพิ่มขึ้นเป็น 519 เตียงจากจำนวนเฉลี่ยปีก่อนที่ 483 เตียง ซึ่งปีก่อนมีการปิดปรับปรุงห้องคนไข้ 1 วอร์ด ทำให้สามารถรองรับผู้ป่วยในได้มากขึ้นอีก
นอกจากนี้ มีการเปิดให้บริการอาคารในซอยสุขุมวิท 1 รองรับผู้ป่วยนอกเพิ่มขึ้น ขณะที่ผู้ป่วยจากซาอุดิอาระเบียมีแนวโน้มเติบโตสูงมาก ส่วนใหญ่เป็น Medical Tourists ซึ่ง BH มีแผนตั้งสำนักงานตัวแทนในประเทศซาอุฯเร็ว ๆ นี้ชดเชยผู้ป่วยจากคูเวตที่ลดลงจากการที่ภาครัฐเป็นผู้ คัดเลือก รพ.สามารถรักษาคนไข้ที่ได้รับสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลเอง
ขณะผู้ป่วยชาวตะวันออกกลางที่มารับการรักษามากสุดและมีอัตราการเติบโตที่สูงอยู่ คือผู้ป่วยจากกาตาร์ รองลงมาคือโอมาน ซึ่งส่วนใหญ่เข้ามารับการรักษาโรคที่เป็นเคสอาการ
รุนแรง และใช้เวลาในการรักษานาน อีกทั้งยังคาดผู้ป่วยจากประเทศจีนจะเติบโตที่ก้าวกระโดดในปีนี้ตามการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว โดยผู้ป่วยจากจีน ส่วนใหญ่เข้ามาตรวจสุขภาพ และเวชศาสตร์ชะลอวัยรวมถึงศูนย์ IVF (เด็กหลอดแก้ว) เพื่อแก้ปัญหาการมีบุตรยาก
ขณะที่กำไรงวด 1Q67 ดีเกินคาด เติบโตถึง 25% YoY คิดเป็น 26.2% ของประมาณการกำไรปีนี้เป็นผลให้เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปีนี้และปีหน้าเฉลี่ยปีละ 4.5% โดยกำไรสุทธิปีนี้ภายใต้ประมาณการใหม่จะอยู่ที่ 7,908 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.9% และคาดจะเติบโตต่อเนื่องอีก 8.3% ในปี หน้า ทั้งนี้ในปีหน้าจะมีจำนวนเตียงเพิ่มอีก 59 เตียงรองรับจำนวนผู้ป่วยในที่เพิ่มขึ้นได้ หลังอาคารที่ซอยสุขมวิท 1 เปิดให้บริการเต็มรูปแบบแล้ว
อย่างไรตาม BH จัดเป็นรพ.ระดับพรีเมียมที่มีฐานลูกค้าต่างชาติแข็งแกร่งสุด และมีประสิทธิภาพในการทำกำไรสูงสุดโดยมี ROE ปี66 สูงสุดในกลุ่ม รพ. คือสูงถึง 32.2% และยังเห็นการเติบโตต่อเนื่องได้ตามการเติบโตของผู้ป่วยต่างชาติ ขณะราคาเป้าหมายปีนี้อิงวิธี DCF อยู่ที่ 300 บาท ยังมี upside 23.5%
บล.เอเชีย พลัส ระบุผ่านบทวิเคราะห์ ว่า สำหรับแนวโน้มผลประกอบการงวด 2Q67 ผู้บริหารได้ให้ Guidance ว่ารายได้ค่ารักษาพยาบาลคาดว่าจะเติบโตในระดับ Single digit เนื่องจากงวด 2Q67 จะเป็นช่วง Low season เพราะมีวันหยุดเทศกาลเป็นจำนวนมาก และยังมีจำนวนวันเทศกาลรอมฎอนเหลืออยู่จำนวน 9 วัน โดยฝ่ายวิจัยคาดว่าผลการดำเนินงานจะปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า อย่างไรก็ตามคาดว่าผลการดำเนินงานจะเติบโตได้เมื่อเทียบกับงวด 2Q66 จากการฟื้นตัวของผู้ป่วยต่างชาติที่มาใช้บริการรักษาโรคยากซับซ้อนในศูนย์การแพทย์แห่งความเป็นเลิศ
โดยเฉพาะคนไข้จีนที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องภายหลังจากประการใช้มาตรการฟรีวีซ่า และคาดว่าผลการดำเนินงานจะทำระดับจุดสูงสุดของปีในงวด 3Q67 เนื่องจากเข้าสู่ช่วง Highseason ของกลุ่มโรงพยาบาลที่มีโรคระบาดตามฤดูกาลสูงสุดของปี ประกอบกับมีการเพิ่มจำนวนเตียงผู้ป่วยวิกฤต 12 เตียง เพื่อเพิ่มศักยภาพในการรองรับผู้ป่วยโรงพยาบาลใหม่ภูเก็ตยื่นประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
สำหรับโรงพยาบาลใหม่ภูเก็ตใช้งบลงทุน 4.3 พันล้านบาท เป็นโครงการที่จะช่วยพลักดันรายได้คนไข้ทั้งชาวไทยและต่างชาติ เนื่องจากจังหวัดภูเก็ตเป็นสถานที่เป้าหมายสำหรับนักท่องเที่ยวในหลายประเทศทั่วโลก อาทิ จีน รัสเซีย และตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีค่าใช้จ่ายต่อบิลในการรักษาสูง ปัจจุบันโครงการดังกล่าวได้ยื่นประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อเดือน ก.พ.67 ที่ผ่านมา
โดยโรงพยาบาลจะมีจำนวนเตียงทั้งหมด 212 เตียง คาดว่าจะเปิดให้บริการในช่วงไตรมาส 2-3 ปี 2569 ภายในโรงพยาบาลประกอบไปด้วยศูนย์การแพทย์ขั้นสูงทั้งผู้ป่วยนอกและใน โดยในช่วงที่ผ่านมา BH ได้ประชาสัมพันธ์และจัดกิจกรรมช่วยเหลือสังคม เพื่อให้เป็นที่รู้จักและเพิ่มฐานคนไข้มากยิ่งขึ้น อีกทั้ง BH ยังมีแผนเปิดศูนย์เวชศาสตร์ชะลอวัย VitalLife ที่ภูเก็ตในงวด 2Q67 โดยทั่วไปการเปิดโรงพยาบาลใหม่จะเผชิญผลขาดทุนในช่วง 3 ปีแรก
อย่างไรก็ตามฝ่ายวิจัยคาดว่า BH จะสามารถทำกำไรเร็วกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม เนื่องจากความสามารถในการรักษาโรคซับซ้อน และมีฐานคนไข้จำนวนมากจากศูนย์ส่งต่อผู้ป่วยที่ภูเก็ต
ฝ่ายวิจัยประมาณการกำไรปี 2567 อยู่ที่ 8,099 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15%YoY โดยคาดว่ากำไรจะเติบโตเฉลี่ย 9% ต่อปี ในปี 2567-2571 ฝ่ายวิจัยเชื่อว่า BH จะเข้าสู่ช่วงการเติบโตอีกครั้ง จากการขยายโรงพยาบาลใหม่ที่ภูเก็ต จะเป็นแรงขับเคลื่อนผลประกอบการในระยะยาว โดย BH มีสัดส่วนรายได้ผู้ป่วยชาวต่างชาติและอัตราการทำกำไรสูงที่สุดในกลุ่ม สถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ประเมินราคาเหมาะสมอยู่ที่ 304 บาท อิงวิธี DCF ให้น้ำหนักการลงทุน OUTPERFORM