“9 ปฏิรูป” แห่งทศวรรษใหม่ของตลาดหุ้นจีน
“9 ปฏิรูป” แห่งทศวรรษใหม่ของตลาดหุ้นจีน ล่าสุดในครั้งนี้ เป้าหมายหลักของการปฏิรูปคือการควบคุม ลดความเสี่ยง เสริมคุณภาพและพัฒนาการของตลาดทุน
ตั้งแต่กลางเดือนมิ.ย.ตลาดหุ้นจีนฟื้นขึ้นอย่างแข็งแกร่งทั้งที่ความกังวลในตลาดไม่ได้ลดลงมาก
เศรษฐกิจไม่ได้เติบโคเข้าเป้า ความสัมพันธ์กับสหรัฐไม่ได้ดีขึ้น ความเสี่ยงตลาดอสังหาฯ ไม่เปลี่ยน แต่ด้านนโยบายการเปลี่ยนแปลงสำหรับหุ้นจีน คือการที่ China Securities Regulatory Commission (CSRC) ออกแถลงการ “9 มาตรการปฏิรูปตลาดทุน” ในวันที่ 12 มิ.ย. 2024
การปฏิรูปเป็นแนวโน้มระยะยาว ที่เคยเกิดขึ้นในปี 2004 ทำให้หุ้นจีนทะยานกว่า 340% สี่ปีให้หลัง ประกาศครั้งที่สองคือปี 2014 ตลาดหุ้นจีนพุ่งขึ้น 150% ใน 399 วัน หลังการประกาศปฏิรูป
ล่าสุดในครั้งนี้ เป้าหมายหลักของการปฏิรูปคือการควบคุม ลดความเสี่ยง เสริมคุณภาพและพัฒนาการของตลาดทุน ผมรวมรวมและเทียบการเปลี่ยนแปลงรายข้อดังนี้
1. ข้อกำหนดภาพรวม - เปลี่ยนจากการคุ้มครองนักลงทุน เป็นการยกระดับการกำกับดูแล และพัฒนาตลาดทุนให้มีคุณภาพสูง
2. เข้มงวดในการตรวจสอบ IPO - ปรับปรุงกฎการจดทะเบียน เพิ่มความรับผิดชอบด้านการอนุมัติ IPO/ผู้ออก/ผู้ขาย/ธุรกรรมในตลาด จากก่อนหน้านี้ที่เน้นแบ่งตลาดหุ้นออกเป็นหลายระดับ
3. เน้นกำกับดูแลด้านการเปิดเผยข้อมูลและการกำกับดูแลกิจการ - ปรับปรุงกฎการซื้อขายหุ้นของผู้บริหาร เพิ่มการกำกับดูแลเงินสด ปันผล และส่งเสริมคุณภาพการสร้างมูลค่าการลงทุน
4. กำกับดูแลการเพิกถอนหุ้น -ปฏิรูประบบ Delisting กระชับมาตรฐานบังคับเพิกถอนหลักทรัพย์ จากก่อนหน้านี้ที่เน้นพัฒนาระบบเสนอขายหุ้น และปลูกฝังแนวคิดด้านตลาดทุนตั้งแต่นอกตลาด
5. ยกระดับการกำกับดูแลสถาบันการเงิน แทนที่การโปรโมทตลาด Future -ส่งเสริมการพัฒนาบล.และบลจ.ให้มีคุณภาพสูง ปลูกฝังการเป็นธุรกิจที่เน้นลงทุน ไม่ใช่แค่เก็งกำไร
6. ปรับปรุงการกำกับดูแลธุรกรรม - ส่งเสริมเสถียรภาพของตลาดทุน เสริมสร้างการกำกับดูแลการซื้อขาย/ธุรกรรม และการให้ความเห็นของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง
7. ส่งเสริมการลงทุนระยะยาวแทนการขยายตลาดทุนข้ามพรมแดน - ปลูกฝังแนวคิดการลงทุนระยะยาว และปรับสภาพแวดล้อมทางนโยบายให้เหมาะสมกับการลงทุนผ่านนักลงทุนสถาบัน
8. ยกระดับการป้องกันและแก้ไขความเสี่ยงทางการเงิน -เน้นไปที่การปรับปรุงระดับของการจัดหาทุนในตลาดสำหรับ 5 เรื่องคือ เทคโนโลยี ธุรกิจสีเขียว การเพิ่มส่วนร่วม บำนาญ และ ดิจิทัล
9. เชื่อมโยงท้องถิ่นพัฒนาคุณภาพตลาดทุน -โดยมีการประสานงานด้านกฎระเบียบระหว่างส่วนกลางและท้องถิ่น เน้นไปที่การการเผยแพร่ข้อมูลในตลาดทุน
โดยสรุป ถ้าทศวรรษแรกของตลาดคือการ “เปิดตลาด” ทศวรรษที่สองคือการ “พัฒนา” ทศวรรษข้างหน้าคือการ “ควบคุมคุณภาพ” คำถามสำคัญในครั้งนี้อยู่ที่ว่า 9 มาตรการปฏิรูปตลาด เป็นโอกาสหรือความเสี่ยงมากกว่ากัน สำหรับผม มองการปฏิรูปครั้งนี้เป็น 3 เน้น และ 3 บวก
เน้นให้บริษัทจดทะเบียนมีคุณภาพ ไม่เน้นปริมาณ บวกหุ้นปันผล
ทิศทางการปรับนโยบายส่วนหนึ่งมาจากการที่มีบริษัทเข้าจดทะเบียนมากกว่า 5300 ในทั้งสามตลาดหลักรวมกัน ยิ่งประมาณมาก คุณภาพก็ยิ่งต่ำ เห็นได้จากอัตราการจ่ายเงินปันผลของ MSCI China ที่แค่ราว 30% ทั้งที่บริษัทมีเงินสด (Cash/Market Cap) เหลือมาก 20-30%
ผมเชื่อว่าการปรับนโยบายที่กำลังจะเกิดขึ้น อาจคล้ายกรณีการปฏิรูปตลาดทุน TSE Reform ในฝั่งญี่ปุ่น บริษัทที่มีเงินควรต้องยอมจ่ายปันผล หรือซื้อหุ้นคืนจากนักลงทุน (Buybacks) การปฏิรูปจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้ตลาดหุ้นได้กว่า 20% ถ้าอัตราการจ่ายปันผลเท่ากับตลาดเอเชียอื่นๆ
เน้นลงทุนระยะยาว ไม่เน้นรวยลัด บวกหุ้นพื้นฐานขวัญใจกองทุน
ปัญหาหลักของหุ้นจีนแผ่นดินใหญ่คือการมีนักลงทุนสถาบันในและต่างประเทศที่ต่ำราว 11% และ 4% ตามลำดับ เทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างไต้หวัน ญี่ปุ่นหรือเกาหลี สองกลุ่มดังกล่าวมีขนาดรวมกันราว 60% จึงทำให้ตลาดมีความผันผวนสูงและมีแต่นักเก็งกำไร
เชื่อว่าถ้าการปฏิรูปเน้นไปที่การสร้างนักลงทุนสถาบัน จะเป็นผลดีกับหุ้นพื้นฐานดีราคาไม่แพงในมุม Risk Adjusted Expected Returns แค่นักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศเพิ่มสัดส่วน มูลค่าหุ้นกลับเข้าสู่ปรกติ ตลาดก็บวกกลับได้อีก 10-20%
เน้นโปร่งใส ไม่เน้นหุ้นลับลวง บวกหุ้นใหญ่ให้ข้อมูลควรถ้วน
ด้วยมาตรการส่วนใหญ่ที่เน้นไปที่การควบคุม สร้างความโปร่งใส และลดความเสี่ยง เบื้องต้นจะเพิ่มต้นทุนการจัดการที่บริษัทจดทะเบียนต้องแบกรับ ในกรณีเลวร้าย บางบริษัทอาจมีความเสี่ยงที่ต้องเบนเข็มธุรกิจหลักที่ไม่มีแรงสนับสนุนจากภาครัฐ
อย่างไรก็ดี เทียบจากประสบการณ์ของตลาดเอเชียอื่น หุ้นขนาดใหญ่มักไม่ได้รับความเสี่ยงจากการบฏิรูปเชิงโครงสร้างนี้ ในทางกลับกัน การเพิ่มความโปร่งใสจะมีส่วนลดต้นทุนทางการเงินได้ราว 2-5%
9 ปฏิรูปของตลาดหุ้นจีนจะทำให้มุมมองของชาวโลกเปลี่ยนไปแน่ นักลงทุนไทยต้องรู้ให้ทันครับ