"คาราบาวกรุ๊ป" กำไร Q1/67 เพิ่ม 138% โกยรายได้ 4.9 พันล้าน ยอดกลุ่ม CLMV ฟื้นชัด

"คาราบาวกรุ๊ป" กำไร Q1/67 เพิ่ม 138% โกยรายได้ 4.9 พันล้าน ยอดกลุ่ม CLMV ฟื้นชัด

บมจ. คาราบาวกรุ๊ป (CBG) เผยผลการดำเนินงาน Q1/67 รายได้ 4,935 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ยอดดีทั้งในและต่างประเทศโดยเฉพาะกลุ่ม CLMV กลับมาฟื้นตัวดีขึ้น ขณะที่กำไรสุทธิ 628 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 138% สะท้อนยอดโตทว่าต้นทุนลด

นายพงศานติ์ คล่องวัฒนกิจ ประธานผู้บริหารฝ่ายการเงิน บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2567 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค. 2567 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวมเท่ากับ 4,935 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% YoY โดยในจำนวนนี้เป็นรายได้จากการดำเนินการผลิตภายใต้เครื่องหมายการค้าของตนเองจำนวน 2,838 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% YoY จากทั้งธุรกิจในประเทศและต่างประเทศโดยเฉพาะกลุ่มประเทศ CLMV ที่กลับมาฟื้นตัวดีขึ้น

นอกจากนี้ บริษัทฯ มีรายได้จากการรับจ้างจัดจำหน่ายให้แก่บุคคลภายนอกจำนวน 1,823 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% YoY จากการจัดจำหน่ายสินค้าประเภทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นหลัก ในขณะที่รายได้จากการจำหน่ายสินค้ากลุ่มอื่นๆ เท่ากับ 202 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65% YoY จากการผลิตและจำหน่ายขวดแก้ว กระป๋องอะลูมิเนียมและบรรจุภัณฑ์ต่างๆ ให้แก่บริษัทคู่ค้าและคู่ค้าผู้ผลิตเบียร์คาราบาวและเบียร์ตะวันแดง

บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นจำนวน 1,321 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% YoY คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้นที่ 27% เพิ่มขึ้นจากในช่วงระยะเวลาเดียวกันในปีก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 25% จากกำไรขั้นต้นของสินค้าที่ดำเนินการผลิตภายใต้เครื่องหมายการค้าของตนเองปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวกันในปีก่อนหน้าและไตรมาสก่อนหน้า ถึงแม้ว่าราคาน้ำตาลซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักทยอยปรับตัวสูงขึ้นตามสภาวะตลาด

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ สามารถบริหารจัดการวัตถุดิบอื่นเพื่อลดต้นทุนได้เป็นอย่างดี ตลอดจนต้นทุนพลังงานที่ใช้ในกระบวนการผลิตที่ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวกันในปีก่อนหน้า ประกอบกับปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้นสอดคล้องกับยอดขายทั้งในประเทศและต่างประเทศโดยเฉพาะกลุ่มประเทศ CLMV ที่กลับมาฟื้นตัวดีขึ้น

ส่งผลต่อต้นทุนผลิตที่ลดลงจากประหยัดต่อขนาด (Economies of scale) ในขณะที่ส่วนผสมของความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ตามยอดขาย (Product mix) ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเมื่อเทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวกันในปีก่อนหน้าและไตรมาสก่อนหน้า

ค่าใช้จ่ายขายและบริหาร จำนวน 575 ล้านบาท ลดลง 21% YoY หรือคิดเป็นสัดส่วนต่อรายได้จากการขายรวมที่ 12% ลดลงจาก 18% ในปีก่อน จากการควบคุมค่าใช้จ่ายทั้งค่าใช้จ่ายการตลาด การส่งเสริมการขาย และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งเป็นกลยุทธ์หลักที่บริษัทฯ ให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง

ในขณะที่ค่าธรรมเนียมการเป็นผู้สนับสนุนกีฬาฟุตบอล ลดลง 36% YoY จากการแบ่งปันสิทธิผู้สนับสนุนการแข่งขันฟุตบอล EFL ให้แก่บริษัทคู่ค้าในกลุ่มธุรกิจผู้ผลิตเบียร์คาราบาวและเบียร์ตะวันแดง ในอัตราร้อยละ 50 ของจำนวนเงินที่บริษัทฯ จ่ายให้แก่ EFL ในแต่ละฤดูกาล ตั้งแต่ฤดูกาล 2023/2024 เป็นต้นไป

กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทฯ เท่ากับ 628 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 138% YoY สะท้อนยอดขายที่เพิ่มขึ้น ต้นทุนที่ปรับตัวลดลง การควบคุมค่าใช้จ่ายดำเนินงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ตามที่กล่าวข้างต้น รวมถึงการแบ่งปันสิทธิผู้สนับสนุนการแข่งขันฟุตบอล EFL ให้แก่บริษัทคู่ค้าในกลุ่มธุรกิจผู้ผลิตเบียร์คาราบาวและเบียร์ตะวันแดงเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการสื่อสารและทำการตลาด