‘NVDR’ ใหม่ฟื้นเชื่อมั่น  ‘ไพบูลย์-พิเชษฐ’ หวังช่วยยกระดับตลาดทุน

‘NVDR’ ใหม่ฟื้นเชื่อมั่น   ‘ไพบูลย์-พิเชษฐ’ หวังช่วยยกระดับตลาดทุน

“กูรู” เผยภายหลังก.ล.ต.-ตลท. ผนึกกำลังปรับเกณฑ์ NVDR ใหม่ ห้ามนักลงทุนไทยซื้อเพิ่ม-ยกเว้นค่าฟีเรียกเก็บ เชื่อช่วยยกระดับตลาดทุนไทย ชี้ไม่มีผลต่อสัดส่วนถือหุ้นลดลง-ไม่ช่วยเพิ่มวอลุ่มเทรด หวังสกัดนักลงทุนปกปิดข้อมูลถือหุ้นสู่พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ทำได้ยากขึ้น 

ในช่วงที่ผ่านมาทั้ง สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) มีการปรับกฎเกณฑ์ใหม่ในเรื่องของการแปลงใบแสดงสิทธิในผลประโยชน์ที่เกิดจากหลักทรัพย์อ้างอิงไทย (NVDR) กันยกใหญ่ โดยเฉพาะ “ห้ามนักลงทุนไทยซื้อเพิ่ม” ใน NVDR

 หวังป้องกันไม่ให้ NVDR เป็นเครื่องมือในการหลีกเลี่ยงการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งยกเว้น “ค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์” (บล.) ที่ให้บริการ NVDR เป็นหุ้นสามัญให้แก่ผู้ลงทุนไทย เพื่อจูงใจผู้ลงทุนไทยให้แปลง NVDR เป็นหุ้นสามัญ

นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บล. บัวหลวง  และนายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย (ASCO) เปิดเผยว่า กรณีตลาดหลักทรัพย์ฯ ปรับปรุงเกณฑ์เกี่ยวกับ NVDR ให้เฉพาะนักลงทุนต่างชาติเท่านั้น ยอมรับว่าอาจจะมีนักลงทุนไทยที่จะหลีกเลี่ยงเกณฑ์ดังกล่าว ซึ่งไม่สามารถห้ามได้ แต่หากนักลงทุนไทยที่จะยังตั้งใจทำเช่นนั้น ก็ต้องยอมรับต้นทุนเพิ่มขึ้น และธุรกิจบล. ก็มีกระบวนการตรวจสอบคำสั่งซื้อของลูกค้าก่อนส่งคำสั่งทุกครั้ง ดังนั้น จะยิ่งเพิ่มความยากลำบาก 

อย่างไรก็ตาม การปรับเกณฑ์ NVDR ใหม่ หลักๆ เพื่อปิดช่องโหว่การปกปิดข้อมูลการถือหุ้นซึ่งอาจนำไปสู่พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในตลาดทุน ทำให้ผู้ลงทุนขาดข้อมูลที่อาจมีผลต่อการตัดสินใจลงทุน ดังนั้น การทำเช่นนี้เชื่อว่าจะยกระดับตลาดทุนไทยได้ และเรียกความเชื่อมั่น 

 

 “มองว่าหากหลังจากนี้นักลงทุนไทย ที่จะหลีกเลี่ยงด้วยวิธีการต่างๆ อาจตั้งข้อสังเกตได้ว่ามีเจตนาอื่นหรือไม่ เพราะโดยปกติแล้วคงไม่มีใครทำ เพราะว่า NVDR ถูกออกแบบให้กับนักลงทุนต่างชาติถืออยู่แล้ว ไม่ได้ถูกออกแบบให้คนไทยถือ ดังนั้น หากมีคนไทยที่ต้องการทำ อาจตั้งข้อสงสัยว่ามีความจำเป็นต้องทำหรือไม่ มีเจตนาอย่างไร ซึ่งระบบของธุรกิจบล. สามารถตรวจสอบได้ในระดับหนึ่งและหาพบข้อสงสัยจะดำเนินการตรวจสอบเพิ่มขึ้น” 

ส่วนกรณีการยกเว้นค่าธรรมเนียมการแปลง NVDR เป็นหุ้นสามัญให้แก่ผู้ลงทุนไทยนั้น  มองว่า ทุกธุรกิจบล. พร้อมสนับสนุนในการบริหารจัดการ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ลงทุนไทยและสร้างแรงจูงใจให้ผู้ลงทุนสามารถดำเนินการตามเกณฑ์ใหม่ได้ ซึ่งการยกเว้นค่าธรรมเนียมดังกล่าวไม่ได้เป็นรายได้หลัก และการเปลี่ยนแปลง NVDR มาเป็นหุ้นสามัญยังไม่ใช่วอลุ่มการซื้อขายจริง จึงไม่ได้ทำให้เพิ่มวอลุ่มในตลาดแต่อย่างใด  

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ทิสโก้ จำกัด ในฐานะนายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA) และกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) กล่าวว่า การปรับปรุงเกณฑ์เกณฑ์ NVDR เพื่อให้นักลงทุนต่างชาติ ซึ่งแม้จะมีการปรับเกณฑ์ใหม่ห้ามนักลงทุนไทยซื้อเพิ่ม เชื่อว่าไม่ส่งผลต่อการถือหุ้นลดลง เพราะนักลงทุนไทยสามารถลงทุนในหุ้นสามัญได้  

โดยปัจจัยหลักๆ ที่ปรับเกณฑ์ NVDR เพื่อปิดช่องโหว่การนำไปสู่พฤติกรรมไม่เหมาะสม ดังนั้น หากนักลงทุนไทยยังหาวิธีการหลีกเลี่ยง มองว่าคงต้องใช้ความพยายามมากขึ้น ทุกกฎหมายมีช่องโหว่อยู่แล้ว แต่การปรับเกณฑ์ครั้งนี้ ถือว่าจะช่วยป้องกันปัญหาได้มากกว่าในอดีตแล้ว 

ดังนั้น ทำให้นักลงทุนไทยที่คิดหลีกเลี่ยงเพื่อจะใช้ประโยชน์ตรงส่วนนี้คงทำได้ยากขึ้น หรือ ไม่สามารถทำได้สะดวกสบายเท่าเดิม เพราะธุรกิจบล. มีระบบการเปิดบัญชีด้วยกระบวนการ KYC ค้นสืบประวัติเจ้าของบัญชีตัวจริง หากบล. ที่เปิดบัญชีรู้ว่าเจ้าที่ต้องการเปิดบัญชีเป็นคนไทย และยังอนุญาตให้ดำเนินการได้ บล.นั้นก็อาจมีความผิดได้    

“การปรับเกณฑ์ NVDR ทำให้ถูกต้องมากขึ้น NVDR สำหรับนักลงทุนต่างชาติถือ นักลงทุนไทย ก็ควรมาถือหุ้นสามัญอีกทั้งในช่วงปรับเปลี่ยนเกณฑ์ การมีแรงจูงใจให้นักลงทุนมาเปลี่ยนแปลง NVDR เป็นหุ้นสามัญ ก็มองว่ายิ่งเป็นเรื่องดีที่จะสนับสนุนให้นักลงทุนไทยมาโอนมากขึ้น ทำให้ถูกต้องมากขึ้น”