AWC ลั่นอิบิทดาโต15% รับอัตราเข้าพักปีนี้ทะลุ 75% หนุนธุรกิจ  

AWC ลั่นอิบิทดาโต15% รับอัตราเข้าพักปีนี้ทะลุ 75%  หนุนธุรกิจ  

AWC  เดินหน้าสร้างเติบโต “อิบิทดา” ปีนี้ที่ 15% จากปีก่อน 8% ชูโมเดลธุรกิจเป็นเอกลักษณ์ -กลยุทธ์ขยายพอร์ตทรัพย์สินคุณภาพ อัดงบลงทุน 5 ปี แตะ “แสนล้าน” เร่งลงทุน 1.9 หมื่นล้าน พัฒนา 18 โครงการ เล็งเปิดตัว 3 โครงการใหม่ จ่อรับท่องเที่ยวฟื้น ดันอัตราเข้าพักสูงกว่า 75% 

นายกานต์ ปฏิเวธวรรณกิจ หัวหน้าคณะสายงานบัญชีและการเงิน บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จํากัด (มหาชน) หรือ AWC เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทช่วงที่เหลือปี 2567 มีโอกาสเติบโตต่อ จากไตรมาส 1 ปี 2567 ที่เติบโตดีสุดเป็นประวัติการณ์ โดยยังคงแผนงานเดินหน้าสร้างการเติบโตของอัตรากำไรสุทธิต่อรายได้ (อิบิทดา) ปีนี้เป็น 15% จากปีก่อน 8%

ด้วยปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากบริษัทยังคงเดินหน้าตามกลยุทธ์หลัก “มุ่งขยายพอร์ตโพลิโอทรัพย์สินคุณภาพ” ทั้งการพัฒนา ปรับปรุง และเพิ่มศักยภาพ สู่ “ทรัพย์สินดำเนินงานใหม่” ทั้งโรงแรมและบริการที่เติบโตต่อ รวมทั้งเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินดำเนินงาน ทั้งกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อ “รายย่อย” และ” เพื่อการพาณิชย์”

AWC ลั่นอิบิทดาโต15% รับอัตราเข้าพักปีนี้ทะลุ 75%  หนุนธุรกิจ  

ที่สำคัญการดำเนินกลยุทธ์สร้างการเติบโตของอิบิดา ด้วย “โมเดลธุรกิจอย่างเป็นเอกลักษณ์” ผ่านการผลักดันศักยภาพการเติบโตของทรัพย์สินที่อยู่ในช่วงดำเนินงานเริ่มต้น (Ramp Up) และทรัพย์สินที่อยู่ในช่วงการปรับกลยุทธ์ทางการตลาด (Repositioning) รวมมูลค่ากว่า 88,339 ล้านบาท ไตรมาส 1 ปี 2567 มาอยู่ในระดับทรัพย์สินดำเนินงานปกติ (BAU) เพิ่มมากขึ้น และการเร่งแปลงทรัพย์สินระหว่างพัฒนา (Developing Asset) มูลค่ากว่า 40,024 ล้านบาท ให้เป็นทรัพย์สินดำเนินงาน (Operating Asset)

 

อีกทั้งเสริมกลยุทธ์เพิ่มความแข็งแกร่ง บริษัทยัง “จับคู่ทรัพย์สินที่มีคุณภาพ (Quality Asset) กับกลุ่มเครือข่ายระหว่างประเทศ”  (International Chain) แบรนด์ระดับโลก สามารถเข้าถึงลูกค้าจาก 400 ล้านคน เป็น 600 ล้านคนทั่วโลก ทำให้บริษัทได้กลุ่มลูกค้าที่มีคุณภาพเข้ามาใช้บริการโรงแรมในเครือ AWC มากขึ้น ซึ่งราคาโรงแรมในประเทศไทยยังไม่แพงมากเมื่อเทียบกับต่างประเทศ จึงพบว่าลูกค้าเครือข่ายระหว่างประเทศ มีการใช้จ่ายค่าห้องพักและบริการในโรงแรมมากกว่า 4-5 เท่า เทียบกับลูกค้าทั่วไป ที่มักใช้จ่ายเพียงค่าห้องพักที่มีราคาสูงกว่าเท่านั้น  

ขณะเดียวกัน บริษัทมุ่งลงทุนโครงการตามแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี (ปี 2567-2571) ด้วยงบประมาณการลงทุนรวมกว่า 126,000 ล้านบาท หรือลงทุนเฉลี่ยปีละ 20,000 ล้านบาท โดยความสามารถในการจัดหาเงินทุน (Debt Capacity) ที่แข็งแกร่ง และโมเดลลงทุนเพื่อการเติบโต (Growth Fund Model) เพื่อเสริมสร้างพอร์ตโฟลิโอคุณภาพและคุณค่าระยะยาว

สำหรับในปีนี้จะมีแผนเปิดโครงการใหม่ เพิ่มเติม 3  โครงการ มูลค่ารวม 17,000 ล้านบาท ที่มุ่งพัฒนาทรัพย์สินคุณภาพ เพื่อเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยว ด้านอาหารและเครื่องดื่มในประเทศไทย ได้แก่ โครงการ Phenix (ฟีนิกซ์) ย่านประตูน้ำ , โรงแรมพัทยา แมริออทรีสอร์ท แอนด์ สปา แอท จอมเทียนบีช, โครงการลานนาทีค เดสทิเนชั่น (Lannatique) เฟสแรก ซึ่งจะเร่งเปิดตัวตามแผนงานที่วางไว้ 

โดยจะส่งผลให้ทรัพย์สิน ณ สิ้นปี  2567 อยู่ที่ 18 โครงการ มูลค่ารวม 19,000 ล้านบาท ส่งผลให้ในปี 2567 การเติบโตของทรัพย์สิน เพิ่มขึ้น 30% สำหรับธุรกิจรีเทล พัฒนาให้เป็นจุดหมายปลายทางกลุ่มนักท่องเที่ยวมากขึ้น ด้านธุรกิจอาคารสำนักงาน พัฒนารูปแบบสถานที่ทำงานให้มีไลฟ์สไตล์มากขึ้น เพื่อดึงการเข้าใช้บริการ 

 นายกานต์ กล่าวต่อว่า ผลการดำเนินงานยังมีทิศทางดีต่อเนื่อง จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นทำให้คาดว่าอัตราการเข้าพัก (Occupancy Rate) สิ้นปีนี้ มีโอกาสสูงกว่า 75% จะส่งผลดีต่อภาพรวมของบริษัท 

ทั้งนี้ ปัจจุบันอัตราเข้าพักของบริษัทอยู่ที่ 75% แล้ว ซึ่งยังไม่นับรวมนักท่องเที่ยวจีน แต่กลับมาเท่าช่วงก่อนปีโควิด -19 แล้วที่นับรวมนักท่องเที่ยวจีนแล้ว และคาดหลังจากรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว เช่น เปิดฟรีวีซ่าในหลายประเทศ ทำให้นักท่องเที่ยวยังเพิ่มมากขึ้นและนักท่องเที่ยวจีนยังนิยมเที่ยวในไทยด้วย