CRC ลั่นครึ่งหลังโตเด่น ลุยแผนเปิด ‘สาขาเพิ่ม-ปรับโฉมใหญ่’ หนุนยอดขาย

CRC ลั่นครึ่งหลังโตเด่น ลุยแผนเปิด ‘สาขาเพิ่ม-ปรับโฉมใหญ่’ หนุนยอดขาย

“เซ็นทรัลรีเทล” รับเศรษฐกิจครึ่งแรกชะลอตัว ส่งยอดค้าปลีกไตรมาส 2 ปี 67 อ่อนแอจากไตรมาสก่อน  แต่คาดครึ่งหลังฟื้นตัว เดินหน้าเร่งแผน “อิบิดา” เติบโต 15-17% รายได้ขยายตัว 8-11% ลุยสาขาใหญ่ “เปิดพิ่ม-พลิกโฉมใหญ่" เสร็จ จ่อรับอานิสงส์ท่องเที่ยว-รัฐเร่งเบิกงบ หนุนยอดขาย

นายปเนต มหรรฆานุรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการเงิน บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2567 หากเทียบไตรมาสก่อนหน้า โดยปกติแล้วช่วงไตรมาส 2 ของปี ยอดขายของธุรกิจค้าปลีก ส่วนใหญ่จะน้อยกว่าช่วงไตรมาส 1 ของปี 

หากเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน พบว่าเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ยอดขายอาจยังลดลงเล็กน้อย แต่เดือนพ.ค. เริ่มกลับมาเป็นบวกแล้ว และบริษัทยังคงต้องรอติดตามยอดขายเดือนมิ.ย.ก่อน ว่าจะมีทิศทางดีต่อเนื่องหรือไม่

หลังจากผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2567  เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน บริษัทมีรายได้อยู่ที่ 67,255 ล้านบาท โต 6% และกำไรสุทธิ 2,318 ล้านบาท เติบโต 0.3% และมีอิบิทดาโต10% ขณะที่กำไรสุทธิหลังรายการปรับปรุงส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ อยู่ที่ 2,524 ล้านบาท โต 13.7% จากปีก่อน มีสัดส่วนยอดขายในไทย 70% เวียดนาม 24% และอิตาลี 6%

CRC ลั่นครึ่งหลังโตเด่น ลุยแผนเปิด ‘สาขาเพิ่ม-ปรับโฉมใหญ่’ หนุนยอดขาย

นายปเนต ยอมรับว่า สภาพเศรษฐกิจไทยปีนี้ไม่สดใส ไม่เอื้ออำนวยมากนัก แต่ยังมุ่งสร้างการโตในภาวะดังกล่าว ด้วยการบริหารธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อผลักดันรายได้และกำไรให้โตตามเป้าหมายปีนี้วางไว้ที่ อิบิด้าโต 15-17% และรายได้โต 8-11% 

ทั้งนี้ ยังเชื่อมั่นผลดำเนินงานครึ่งหลังปีนี้ ยังโตดีกว่าครึ่งแรก ปัจจัยสนับสนุนจากแนวโน้มเศรษฐกิจไทย ยังมีโมเมนตัมเชิงบวกจากการท่องเที่ยวยังโตดีทั้งในไทยและยุโรป ทำให้การจับจ่ายใช้สอยในประเทศยังคงเพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่อง , ดอกเบี้ยนโยบายไทย คาคไตรมาส 4 ปีนี้ มีโอกาสที่จะเห็นแบงก์ชาติลดดอกเบี้ย , การเบิกจ่ายงบภาครัฐที่เร่งตัวขึ้น ทำให้การบริโภคเอกชนเพิ่มขึ้นด้วย 

พร้อมกันนี้แม้ต้องติดตามเรื่องความคืบหน้า “ดิจิทัลวอเล็ต” ภายหลังจากตอนนี้เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง แต่ยังเชื่อว่า รัฐบาลพยายามที่จะผลักดันดิจิทัลวอลเล็ต เป็นเครื่องมือช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทย 

ขณะที่ ในส่วนบริษัทยังคงมีความแข็งแกร่งและเติบโตต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง สำหรับแผนงานในช่วงครึ่งปีหลังจะผลักดันยอดขายเติบโตต่อเนื่อง ทั้งจากแผนขยายสาขาใหม่มีจำนวนมากกว่าครึ่งปีแรก โดยเฉพาะขยายสาขาใหญ่ (BIG BOX) จะเปิดอีก 14-15 สาขา

ได้แก่ ไทวัสดุ 8 สาขา โกโฮลเซลล์ (Go Wholesale) อีก 4 สาขา (เปิดแล้ว 3 สาขา), ท็อปส์ (Tops) อีก 5-6 สาขา (เปิดแล้ว 3 สาขา) และที่เวียดนาม ทั้งโกมอลล์ (Go Mall) และโกไฮเปอร์มาร์เก็ต (Go Hypermarket) อีก 3 สาขา รวมถึงสาขาเล็กๆ เปิดต่อเนื่องทุกไตรมาส 

อีกทั้ง การกลับมาเปิดของสาขาขนาดใหญ่ที่ปรับปรุง ทั้งไทวัสดุและเซ็นทรัลชิดลม มีบางส่วนจะปรับปรุงเสร็จเรียบร้อย เริ่มทยอยกลับมาเปิดให้บริการแล้ว เช่น ไทวัสดุทั้งสองสาขาที่ปิดปรุงช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมา กระทบยอดขายลดลงมาก แต่ปลายเม.ย. เริ่มกลับมาเปิดแล้ว และคาดครึ่งหลังจะกลับมาทำให้มียอดขายเท่ากับหรือมากกว่าช่วงก่อนปิดปรับปรุง 

ส่วนเซ็นทรัล สาขาชิดลม ยังเปิดปกติแต่ด้านปรับปรุงบางส่วน แต่การปรับโฉมครั้งใหญ่ตามแผนคาดสร็จเรียบร้อยทั้งหมดภายในไตรมาส 3 นี้ แต่ส่วนใหญ่จะปรับปรุงเสร็จภายในเดือนมิ.ย.นี้ จะเข้ามาช่วยเพิ่มยอดขายกลุ่มแฟชั่นของบริษัทได้ในช่วงครึ่งปีหลัง     

ขณะเดียวกันมองว่า ยังมีการเติบโตส่วนเพิ่มน่าจะเห็นในครึ่งปีหลังเป็นต้นไป  ทั้งจากสินค้ากลุ่มแฟชั่น ที่บริษัทเป็นตัวแทนจำหน่าย จะมีสินค้าแบรนด์ใหม่เข้ามาเพิ่มเติม ทั้งในไทยและเวียดนาม ซึ่งสินค้าแบรนด์ใหม่ สามารถทำกำไรได้สูง และกลุ่มธุรกิจใหม่ที่เริ่มทดลองเมื่อ 3-4 ปีก่อน ปัจจุบันระดับสาขาสามารถทำกำไรเป็นบวกแล้ว 

สำหรับ งบลงทุนปีนี้ตั้งไว้ที่ 22,000-24,000 ล้านบาท ไตรมาส 1 ที่ผ่านมาใช้งบไปแล้ว 4,300 ล้านบาท ยังเดินหน้าลงทุนต่อควบคู่กับการปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพทั้งส่วนคนและการตลาด เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายและบริหารต้นทุน พร้อมสร้างเติบโตยอดขายต่อเนื่อง 

โดยทิศทางดอกเบี้ยนโยบายของไทยในครึ่งปีหลังนี้ มองว่า แบงก์ชาติมีโอกาสปรับดอกเบี้ยลงอีกครั้งหนึ่งในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ จะช่วยให้ต้นทุนบริษัทปรับตัวลดลง จากปีนี้คาดต้นทุนดอกเบี้ยเฉลี่ยที่ 3.6% ซึ่งไตรมาส 1 ที่ผ่านมา อยู่ที่  3.51% ยังอยู่ในระดับที่วางไว้ และทั้งปีนี้ยังคุมได้ และแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายในปีหน้ายังมีโอกาสปรับลดลง ทำให้คาดต้นทุนดอกเบี้ยเฉลี่ย น่าจะลดลงน้อยกว่า 3.5% ในปีหน้า

อีกทั้งหากอัตราดอกเบี้ยปรับลงมาในระดับที่เหมาะสมแล้ว บริษัทจะพิจารณาการออกหุ้นกู้เพิ่มเติมในช่วงครึ่งหลังปีนี้ด้วย เพื่อปรับโครงสร้างทางการเงินเป็นดอกเบี้ยคงที่และระยะยาว จากปัจจุบันดอกเบี้ยตลาดหุ้นกู้ยังคงอยู่ในระดับสูง