9 หุ้นลิสซิ่งบวกยกแผง MICRO - MTC พุ่งนำกลุ่ม 24% 'โบรก'เตือนแค่รีบาวน์ระยะสั้น

ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยภาคเช้า ณ วันที่ 18 มิถุนายน 2567 เวลา 10.30 น. หุ้นลิสซิ่งปรับเพิ่มขึ้น 8 หลักทรัพย์ 

1.หุ้น MICRO ปรับเพิ่มขึ้น 24.22% ราคาเพิ่มขึ้น 0.39 บาท หรือระดับราคาอยู่ที่ 2 บาท 
2.หุ้น MTC ปรับเพิ่มขึ้น 2.91% ราคาเพิ่มขึ้น 0.39 บาท หรือระดับราคาอยู่ที่ 2 บาท 
3.หุ้น NCAP ปรับเพิ่มขึ้น 2.08% ราคาเพิ่มขึ้น 0.03 บาท หรือระดับราคาอยู่ที่ 1.47 บาท
4.หุ้น SAWAD ปรับเพิ่มขึ้น 2.05% ราคาเพิ่มขึ้น 0.75 บาท หรือระดับราคาอยู่ที่ 37.25 บาท
5.หุ้น AMANAH ปรับเพิ่มขึ้น 1.64% ราคาเพิ่มขึ้น 0.02 บาท หรือระดับราคาอยู่ที่ 1.24 บาท
6.หุ้น BAM ปรับเพิ่มขึ้น 1.26% ราคาเพิ่มขึ้น 0.10 บาท หรือระดับราคาอยู่ที่ 8.05 บาท
7.หุ้น KTC ปรับเพิ่มขึ้น 1.17% ราคาเพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือระดับราคาอยู่ที่ 43.25 บาท
8.หุ้น TIDLOR ปรับเพิ่มขึ้น 1.06% ราคาเพิ่มขึ้น 0.30 บาท หรือระดับราคาอยู่ที่ 19 บาท
9.หุ้น SAK ปรับเพิ่มขึ้น 0.97% ราคาเพิ่มขึ้น 0.05 บาท หรือระดับราคาอยู่ที่ 5.20 บาท 

วีระวัฒน์  วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. ฟินันเซีย ไซรัส ให้ข้อมูลกับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า ภาพรวมหุ้นลิสซิ่ง ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาตลาดมากกว่า หลังจากที่ก่อนหน้ามีการปรับตัวลงมาค่อนข้างแรง จึงเป็นการรีบาวน์สลับขึ้นมาบ้าง 

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมของกลุ่มไฟแนนซ์ยังดูไม่ดีมากนัก ไม่ว่าจะเป็นความสามารถในการชำระหนี้ หรือการปล่อยกู้ที่ต้องมีการระมัดระวังมากยิ่งขึ้น ซึ่งน้ำหนักในหุ้นลิสซิ่งยังคง Underweight หรือลดน้ำหนักการลงทุนอยู่ ซึ่งการที่หุ้นกลุ่มลิสซิ่งปรับบวกขึ้นมา มองว่า เป็นการเด้งขึ้นมาในช่วงสั้น ๆ เพราะก่อนหน้าลงมาแรง

ทั้งนี้ Rating ของหุ้นกลุ่มลิสซิ่ง แนะนำให้ซื้อแค่ หุ้น TIDLOR กับ หุ้น MTC ส่วนหุ้นในกลุ่มที่เหลือแนะนำให้ถือและขาย เพราะน้ำหนักเป็น Underweight

วิศาลท์ บูรณสันติกูล กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไมโครลิสซิ่ง (MICRO) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ การปล่อยสินเชื่อลดลง เนื่องจากบริษัทยังใช้ความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อทั้งรถบรรทุกและรถจักรยานยนต์ รวมทั้งในช่วงต้นปีที่ผ่านมาบริษัทมีการปรับราคากลางรถบรรทุกลงราว 20% ในแต่ละรุ่นจากสถานการณ์ภาพรวมอุตสาหกรรมที่ความต้องการใช้รถบรรทุกยังน้อยกว่าจำนวนรถบรรทุกมือสองที่ขายอยู่ในตลาด

และภาคธุรกิจก่อสร้างเองยังคงได้รับผลกระทบจากการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐที่ล่าช้า โดยกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในปี 67 บริษัทจะเน้นการดูแลสภาพคล่อง คุมคุณภาพหนี้เป็นหลัก รักษาพอร์ตลูกหนี้ที่ดีไว้ รวมถึงควบคุมหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ซึ่ง ณ สิ้นไตรมาส 1/67 อยู่ที่ 4.43% ขณะที่พอร์ตสินเชื่อรวมอยู่ที่ 4,262 ล้านบาท

โดยในกลุ่มธุรกิจประกอบด้วย บริษัท ไมโครพลัสลิสซิ่ง จำกัด (MPLUS) ที่เป็นผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ ซึ่งในไตรมาส 1/67 สามารถเริ่มสร้างกำไรให้กับกลุ่มบริษัทได้แล้ว จากการที่ MPLUS สามารถควบคุมคุณภาพหนี้ได้ค่อนข้างดีเมื่อเปรียบเทียบกับอุตสาหกรรม

ขณะที่การให้บริการให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับประเภทสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน และสินเชื่อที่ไม่มีทะเบียนรถเป็นประกัน เพื่อช่วยเหลือลูกค้าที่ต้องการเงินหมุนเวียนในธุรกิจ ซึ่งอยู่ในบริษัท ไมโคร ฟิน จำกัด (MFIN) ซึ่งได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงการคลังผ่านธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งได้เริ่มปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคลเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนเพิ่มเติมให้กับลูกค้าเก่าของบริษัท (Top-up) ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2/66 และเริ่มปล่อยสินเชื่อจำนำเล่มทะเบียน (Title Loan) ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 1/67 ที่ผ่านมา โดยปี 67 เน้นขยายจากฐานลูกค้าเดิมของ MICRO เป็นหลัก เพื่อเพิ่มรายได้อีกทางให้กับบริษัท

ทั้งนี้ บริษัทไม่ได้เร่งปล่อยสินเชื่อมากนัก รวมทั้ง ลดต้นทุนให้เหมาะสมตามสถานการณ์ ไม่ต้องเช่าพื้นที่หลายสาขา ที่ผ่านมาได้มีการควบรวมสาขา 6 สาขา ทำให้ปัจจุบัน MICRO มีสาขาอยู่ที่ 19 สาขา จากเดิมมี 25 สาขา อย่างไรก็ดี หากภาวะเศรษฐกิจกลับมาดีเราก็สามารถกลับมาเปิดสาขาใหม่เพิ่มได้ ซึ่งสาขาที่เปิดส่วนใหญ่เป็นพื้นที่เช่า ไม่ได้มีการลงทุนมากนัก