‘GULF’ ปั้น‘ธุรกิจคลาวด์‘ ดันกำไรโตระยะยาว

‘GULF’ ปั้น‘ธุรกิจคลาวด์‘ ดันกำไรโตระยะยาว

GULF ผนึก Google เร่งต่อยอดธุรกิจคลาวด์ในไทย ลุยให้บริการได้กลางปีหน้า ครอบคลุมฐานลูกค้าทั้งเอกชน - รัฐ พร้อมสร้างรายได้ทันที หนุนกำไรโตระยะยาว ด้าน “ดาต้าเซนเตอร์” คาดเปิดบริการมี.ค.68 ส่วนช่วงที่เหลือปีนี้ “ผลงานสดใส” ย้ำเป้ารายได้ปีนี้โต 25 - 30%

วันนี้ (27 มิ.ย.2567) บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ หรือ GULF นำโดย “นายสารัชถ์ รัตนาวะดี” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GULF และ Google Cloud โดย “นายคาราน บาจวา” รองประธานกูเกิลคลาวด์ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกแถลง “การลงนามสัญญาความร่วมมือการร่วมลงทุนธุรกิจคลาวด์ในประเทศไทย” หลังจากเมื่อ 25 มิ.ย.67 ที่ผ่านมา บริษัท กัลฟ์ เอดจ์ จำกัด หรือ Guif Edge ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ GULF ถือหุ้นในสัดส่วน 100% และเป็นผู้ถือหุ้นใน บริษัท จีเอสเอ ดาต้า เซนเตอร์ จำกัด ได้ลงนามสัญญาความร่วมมือกับบริษัท กูเกิ้ล เอเชีย แปซิฟิก จำกัด หรือ Google 

‘GULF’ ปั้น‘ธุรกิจคลาวด์‘ ดันกำไรโตระยะยาว

นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน GULF เปิดเผยว่า ภายหลังจากการลงนามสัญญาความร่วมมือดังกล่าวแล้ว บริษัทจะดำเนินการจัดหาอุปกรณ์และติดตั้งระบบต่างๆ รวมถึงเตรียมความพร้อมให้กับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายทั้งภาครัฐ และเอกชนของระบบ GDC air-gapped คาดว่าจะใช้ระยะเวลาภายใน 9 เดือน

โดย วางเป้าหมายจะเริ่มดำเนินการบริการธุรกิจคลาวด์ในไทยอย่างเป็นทางการได้ในช่วงกลางปี 2568 และจะสร้างรายได้เข้ามาทันที จาก 2 ส่วน คือ การบริการให้คำปรึกษา และบริการ Managed GDC Provider อีกส่วนหนึ่งจะมาจากลูกค้าที่อยู่ใน Data Center ของเราด้วย 

ทั้งนี้ บริษัทมั่นใจว่าธุรกิจคลาวด์จะสามารถทำกำไรเติบโต และมีแนวโน้มเติบโตดีในระยะยาว ตามความต้องการใช้งานของลูกค้าทั้งภาคธุรกิจ และภาครัฐในไทย ที่มีความต้องการ การจัดเก็บข้อมูลที่มีความปลอดภัยสูง และเก็บข้อมูลในประเทศ เป็น Storage และ IT Service ภายใต้ขอบเขตข้อบังคับทางกฎหมายของประเทศ และเชื่อมั่นว่าการทำงานร่วมกันระหว่างทั้งสองบริษัทจะสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการเติบโตในอนาคตสำหรับภาคโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลต่อไป

นอกจากนี้ ยังเป็นการเปิดโอกาสความเป็นไปได้ให้บริษัทสามารถขยายการดำเนินงานทางธุรกิจไปสู่บริการอื่นๆ ในระบบนิเวศของ Google Cloud ในอนาคตได้ เช่น นวัตกรรม AI และการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์

“เราจะผลักดันการใช้งาน GDC air-gapped สำหรับองค์กรในไทย ผ่านการให้คำปรึกษาและบริการจากผู้เชี่ยวชาญรวมถึงการจัดการดูแลระบบอย่างครบวงจรมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรมที่ต้องจัดเก็บ และประมวลผลข้อมูล ที่มีความสำคัญหรือเป็นความลับ เช่น การให้บริการทางการแพทย์ พลังงาน และสาธารณูปโภค หรือการให้บริการด้านความปลอดภัยสาธารณะ โดยศูนย์ข้อมูลของ GSA DC สามารถรองรับการติดตั้งระบบคลาวด์ดังกล่าวในขอบเขตความร่วมมือนี้ได้ด้วย”

ด้านธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล บริษัทมีศูนย์ข้อมูล (Data Center) จะแบ่งเป็น 2 เฟส ซึ่งเฟสละประมาณ 24-25 เมกะวัตต์ รวมเป็นประมาณ 50 เมกะวัตต์ โดยเฟสที่ 1 ประมาณ 25 เมกะวัตต์ โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการประมาณมี.ค.2568

สำหรับ ทิศทางผลการดำเนินงานช่วงไตรมาส 2 ปี 2567 และครึ่งหลังยังมีทิศทางโตดีต่อ ทำให้ทั้งปี 2567 ยังคงคาดการโตของรายได้รวมไว้ที่ 25-30% โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักจากธุรกิจโรงไฟฟ้าที่จะทยอยเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ในปีนี้ จะช่วยสนับสนุนจำนวนเมกะวัตต์ให้เติบโตอีก 2,700 เมกะวัตต์ ส่งผลให้ทั้งเติบโตเป็น 15,000 เมกะวัตต์ อีกทั้ง ยังคงแผนการยื่นคำขออนุญาตจัดตั้ง “ธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา” (Virtual Bank) บริษัทคาดว่าจะยื่นในช่วงเดือนก.ย.นี้ 

นอกจากนี้ โครงการที่จะทยอยเปิดดำเนินการช่วงที่เหลือปีนี้ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ GPD หน่วยที่ 3 จำนวน 662.5 เมกะวัตต์ ,โครงการ GPD หน่วยที่ 4 จำนวน 662.5 5 เมกะวัตต์ มีกำหนด COD 31 ต.ค.นี้ ทั้ง 2 โครงการรวมกำลังการผลิต 1,325 เมกะวัตต์ รวมทั้งยังมีโครงการอื่นๆ ที่ทยอยเปิดดำเนินการ เช่น โซลาร์รูฟท็อปเปิดเพิ่มอีกประมาณ 100 เมกะวัตต์ รวมถึงโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานแสงอาทิตย์บวกแบตเตอรี่ ซึ่งจะเปิดอีก 5 โครงการภายในสิ้นปีนี้ รวมเป็น 532 เมกะวัตต์

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์