"ฮั่วเซ่งเฮง" มองทองคำครึ่งปีหลังลุ้นขึ้นแรงยาก ชี้กรอบ 39,700 - 41,300 บาท

"ฮั่วเซ่งเฮง" มองทองคำครึ่งปีหลังลุ้นขึ้นแรงยาก ชี้กรอบ 39,700 - 41,300 บาท

"ฮั่วเซ่งเฮง" มองราคาทองผ่านจุดสูงสุดของปีไปแล้ว มองครึ่งปีหลังมีแววฟื้นทว่าลุ้นกลับไปยืนเหนือ 2,450 ดอลลาร์ ได้ยากยกเว้นมีสงครามรุนแรง ส่วนทองในไทยมองได้ค่าบาทอ่อนพยุง ชี้กรอบ 39,700 - 41,300 บาท

นายธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มฮั่วเซ่งเฮง เปิดเผยในงานสัมมนา “Investment Forum 2024 เจาะขุมทรัพย์ลงทุนยุคโลกเดือด” ที่จัดโดย "กรุงเทพธุรกิจ" ว่าทิศทางราคาทองคำครึ่งหลังปี 2567 ยังขึ้นอยู่กับปัจจัย ได้แก่ ดอกเบี้ยซึ่งหากปรับลดลงจะส่งผลราคาทองคำขึ้น การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาปี 2567 ซึ่งนโยบายผู้ลงแข่งขันคือ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ก็มีทีท่าชัดเจนต้องการให้ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด เร่งลดดอกเบี้ย

อีกปัจจัยคือ นโยบายการซื้อทองคำของบรรดาธนาคารกลางประเทศต่างๆ ซึ่งคิดเป็น 25% ของการบริโภคทองคำในโลก โดยธนาคารกลางจีนมีสัญญาณหยุดซื้อทองคำตั้งแต่ พ.ค.2567 ที่ผ่านมา ดังนั้นหากต่อจากนี้ไม่มีการกลับมาซื้อเพิ่มเติมจำนวนมากก็จะขาดแรงกระตุ้นราคาทองในตลาดโลก

ทั้งนี้ ประเมินที่ราคาทองคำ 2,450 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ เป็นจุดสูงสุดของปีนี้ไปแล้ว โดยต่อมาจะมีการย่อตัวลงเนื่องจากดอกเบี้ยลดช้ากว่าที่ตลาดคาดหวังลงทำให้เกิดการขายทองคำออกมา

อย่างไรก็ตาม คาดราคาทองคำครึ่งหลังปรับตัวขึ้นได้ ลักษณะค่อยเป็นค่อยไป ไม่ปรับขึ้นแรง รวมถึงไม่น่าจะสามารถกลับไปจุดสูงสุดเดิมได้อีก เว้นแต่มีสถานการณ์สงครามรุนแรงจากความขัดแย้งในระดับสากล มองกรอบเคลื่อนไหวราคาทองคำที่ 2,250 - 2,430 ดอลลาร์

สำหรับราคาทองคำในประเทศไทยที่ยังไม่ปรับลดลงมามากเพราะค่าเงินบาทอ่อนตัว ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวแนวรับ 40,000 - 39,700 บาท แนวต้าน 41,000 - 41,300 บาท โดยแนะนำนักลงทุน เน้นซื้อเมื่อราคาปรับลงมาทดสอบตามแนวรับ

"ราคาทองคำโลกปีนี้ไม่น่าทำจุดสูงสุดใหม่ได้อีกแล้ว แต่ที่ทองในไทยยังไม่ลงมากเพราะบาทเราอ่อน กรอบอยู่ที่ 39,700 - 41,300 บาท"

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์