14 หุ้นเด่นใน 4 ธีมลงทุนรายตัว หลบการเมืองป่วนยืดเยื้อ
หุ้นได้อานิสงส์ Cover Short ได้แก่ HANA, TOP, BEM, MINT, OSP, BBL, SCGP และ AOT / หุ้นได้อานิสงส์เงื่อนไขกองทุน Thai ESG ใหม่ ได้แก่ ADVANC, CPALL, BDMS, BBL, BEM และ GULF / หุ้น Global Play ได้แก่ SCGP, TU และ MINT / หุ้นน้ำมันได้แก่ PTTEP
8 วันทำการที่ผ่านมา นับแต่เริ่มเข้าสู่ครึ่งหลังปี 2567 ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. เริ่มใช้มาตรการ Uptick Rule เพื่อพยุงบรรยากาศลงทุน พบว่า SET Index ฟื้นตัวได้จริง กลับมาซื้อขายเหนือระดับ 1,300 จุดอย่างชัดเจน นักลงทุนต่างชาติหยุดการขายต่อเนื่อง ทว่ามูลค่าการซื้อขายก็หายไปด้วยเหลือระดับต่อวันอยู่ราว 2.7-3.8 หมื่นล้านบาท เท่านั้น จากครึ่งปีแรกที่ค่าเฉลี่ยต่อวันราว 5 หมื่นล้านบาท
ในเชิงกลยุทธ์ลงทุน ตลาดหุ้นไทย หุ้นหลายตัวราคา “ถูก” เมื่อเทียบกับการ “เติบโต” ของผลประกอบการ ซึ่งหลายตัวบนกระดานหุ้นถือว่าน่าสนใจ ขณะที่ตลาดหุ้นกำลัง “รอคอย” ปัจจัยบวกใหม่ๆ เข้ามาเป็นตัวเริ่มผลักดันขาขึ้นของราคาหุ้นอยู่ พร้อมคาดหวังปัญหาด้านการเมืองในประเทศจะไม่บานปลายกระทั่งส่งผลเสียต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งระบบให้กระเตื้อง รวมไปถึงคาดหวังทิศทางดอกเบี้ยจะลดลงได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) พาย จำกัด เปิดเผยว่า จากภาพรวมตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาชะลอตัวลง ทำให้มั่นใจได้มากขึ้นว่าปี 2567 นี้จะได้เห็นการลดลงของดอกเบี้ยนโยบายจากธนาคารกลางของประเทศสหรัฐอเมริกา หรือ เฟด ซึ่งรวมถึงดอกเบี้ยในประเทศไทยจะปรับลงตาม ส่งผลดีต่อสินทรัพย์ที่มีการรับปันผลต่างๆ
ดังนั้นจึงแนะนำให้นักลงทุนเลือกเก็บหุ้นสะสมในกลุ่มธนาคาร และรายตัวที่มีปันผลสูงก็น่าสนใจ
ด้าน บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ประเมินช่วงสั้น SET Index ยังเปราะบาง และแกว่งตัวในกรอบแคบ ภายหลังการเมืองในประเทศยังยืดเยื้อ โดยศาลรัฐธรรมนูญนัดพิจารณาคดียื่นวินิจฉัยคุณสมบัติของนายกรัฐมนตรีวันที่ 10 ก.ค.2567 และคดียุบพรรคก้าวไกลในวันที่ 17 ก.ค.2567
ด้านปัจจัยต่างประเทศน่าจะได้รับแรงสนับสนุนจากท่าทีของประธานเฟดที่อาจจะส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงินมากขึ้น จากดัชนีราคาผู้บริโภค หรือ CPI เดือน มิ.ย.ของสหรัฐอเมริกา คาดจะชะลอตัวลงเหลือ 3.1% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน จากระดับ 3.3% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ในเดือนพ.ค. ที่ผ่านมา ท่ามกลางตัวเลขตลาดแรงงานที่ชะลอตัวลง ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” โดย 4 ธีมการลงทุนที่น่าสนใจได้แก่
1.หุ้นที่คาดจะได้อานิสงส์ Cover Short หลัง ตลท.เริ่มใช้มาตรการ Uptick ตั้งแต่
1 ก.ค.2567 และเป็นหุ้นพื้นฐานดีมี ESG Rating ระดับ A-AAA เลือก บริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด (มหาชน) หรือ HANA, บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP, บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM, บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT, บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP, ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL, บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP และ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT
2.หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากแผนปรับเงื่อนไขกองทุน Thai ESG ใหม่ โดยขยายวงเงินเป็น 3 แสนบาท และลดระยะเวลาถือครองเหลือ 5 ปี เลือก บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC, บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL, บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด(มหาชน) หรือ BDMS, ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL, บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM และ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF
3.หุ้น Global Play ที่คาดผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง และได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกมากกว่าที่จะขึ้นกับการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศที่ไม่แน่นอน เลือก บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP, บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU และ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT
4.สถานการณ์ในตะวันออกกลางเริ่มเบาบางลง ทำให้ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวลดลงมาอยู่ในกรอบล่างของช่วง 80-90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งมองยังสามารถมีหุ้นน้ำมันสำหรับป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ได้
ดังนั้นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง จึงยังคงเลือกหุ้นน้ำมันขั้นต้นอย่าง บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์