‘อนุทิน’ โว ภท. โตเกือบเท่าตัว หวัง กวาด 251 สส. ชี้ นั่ง นายกฯ ขึ้นกับสถานการณ์

‘อนุทิน’ โว ภท. โตเกือบเท่าตัว หวัง กวาด 251 สส. ชี้ นั่ง นายกฯ ขึ้นกับสถานการณ์

“อนุทิน” โว ปชช. เท คะแนนให้ ภท. เพราะพูดแล้วทำ ทั้งที่เอาใจไม่ค่อยเป็น ชี้ อัพเกรดจากพรรคท้องถิ่น จนมี สส.ทุกภาค เลือกตั้งรอบหน้าอยากได้ 251 เสียง เห็นการเติบโตเกือบเท่าตัวตลอด แจง ขึ้นกับสถานการณ์ นั่ง นายกฯ หรือไม่ มั่นใจ ยิ่งโดนขวางยิ่งโต

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงจุดแข็งและเป้าหมายของพรรคภูมิใจไทย ว่า เราเอาผลงานเข้าแลก ผ่านสโลแกนพูดแล้วทำ สิ่งที่ไม่ได้พูดก็ทำ เราไม่ได้ดีแต่พูด ซึ่งเป็นสิ่งที่ชัดเจนอยู่แล้วว่าอย่างน้อยนี่เป็นเครดิตและความเชื่อถือที่ประชาชนจับต้องได้ และให้คะแนนเราในเรื่องของการปฏิบัติ แม้พูดไม่ค่อยเก่ง พูดไม่ค่อยเพราะ เอาใจคนไม่ค่อยเป็น แต่เวลาทำงานเราทำอย่างเต็มที่มีผลงานเป็นรูปธรรมจับต้องได้

เมื่อถามว่า อุดมการณ์ของพรรคภูมิใจไทยจะถูกโยงต้องการให้เป็นรูปแบบระหว่างพรรคแนวประชาธิปไตย หรืออนุรักษ์นิยม นายอนุทิน กล่าวว่า เราเป็นพรรคปฏิบัติการ ทำตามหน้าที่ วันนี้เราเป็นรัฐบาลก็ทำหน้าที่เป็นรัฐบาล หากวันไหนเป็นฝ่ายค้านก็ทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้าน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคืออยู่กับประชาชนตลอด ในพื้นที่เป็นความรับผิดชอบของ สส.พรรคภูมิใจไทย ไม่ว่าจะสอบได้หรือสอบตกก็อยู่กับประชาชน ไม่ใช่ว่าอยู่กับประชาชนแค่ตอนเป็น สส. ในทางกลับกันหากไม่ได้รับเลือกเป็น สส. ก็ยิ่งต้องทำงานหนักขึ้น 2-3 เท่า จากสถิติผู้แทนของพรรคภูมิใจไทย เมื่อพลาดการเลือกตั้งครั้งเก่าการเลือกตั้งครั้งหน้าก็จะกลับมาทำงานให้ทุกคนเต็มที่แบบร้อยเปอร์เซ็นต์

เมื่อถามว่า กลุ่มเป้าหมายของพรรคภูมิใจไทย จะยังคงเป็นภาคอีสาน และภาคใต้ ใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่แล้ว ตอนนี้เมื่อดูสัดส่วนในภาคกลาง ภาคเหนือตอนล่าง และภาคใต้ รวมถึงภาคอีสานไม่ทิ้งห่างกันเท่าไร เราไม่ใช่พรรคท้องถิ่นแล้ว แต่เป็นพรรคที่สามารถมีผู้แทนจากทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ซึ่งการทำงานก็ง่าย

เมื่อถามว่า ในพื้นที่ภาคใต้ พรรคการเมืองเจ้าของพื้นที่เดิมดูจะอ่อนแอลง พรรคภูมิใจไทยจะขยายพื้นที่ด้วยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เราก็เป็นตัวของเราเอง ไม่ใช่ว่าคนอื่นอ่อนแอแล้วเราจะไปโฟกัสตรงนั้น เพราะเราทำงานแบบยั่งยืนและมั่นคงมาโดยตลอด นี่คือวิธีการทำงานของตนและพรรคภูมิใจไทย ส่วนในพื้นที่กรุงเทพฯ นั้นยอมรับว่า ไม่ใช่พื้นที่แข็งแรงของพรรคภูมิใจไทย แต่ก็ไม่เป็นไร

เมื่อถามถึง เป้าหมายตัวเลข สส.ของพรรคภูมิใจไทย ในสมัยหน้า นายอนุทิน กล่าวว่า ก็คงอยากจะได้ สส. 251 เสียงอยู่แล้ว แต่จะทำได้หรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เวลาที่ลงสมัครแล้ว พรรคภูมิใจไทย ไม่ได้ส่งผู้สมัครเป็นพิธี แต่จะได้รับเลือกหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนและพื้นที่ด้วย และเท่าที่ตนทำพรรคภูมิใจไทย หลักๆ มา 2 ครั้งในการเลือกตั้ง เห็นว่าพรรคก็เติบโตในระดับเกือบเท่าตัวมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นระบบการเลือกตั้งใบเดียว หรือ สองใบ หากมองด้วยจิตใจที่เป็นธรรมแล้ว การเลือกตั้งในปี66 พรรคภูมิใจไทย โตขึ้นมากและโตทุกเขต ไม่ใช่โตด้วยคะแนนถัวเฉลี่ยแบบปาร์ตี้ลิสต์เหมือนการเลือกตั้งในปี62 ซึ่งน่าจะเป็นนิมิตรหมายที่ดีของพรรคที่แต่ละเขตเรามีความแข็งแรงจาก 39 ที่นั่ง ในปี62 มาเป็น 68 ที่นั่งในปี66 จึงมองว่าหากเติบโตในระดับเท่านี้ได้ การเลือกตั้งในปี70 เราก็น่าจะเติบโตกว่านี้ ซึ่งเราก็ต้องคิดเป็นบวกไว้ก่อน

เมื่อถามว่า ในอนาคตคาดหวังว่าจะเป็นพรรคแกนนำหลัก ในการเป็นนายกรัฐมนตรีบ้างหรือไม่ หรือจะเป็นพรรคตัวแปร นายอนุทิน กล่าวว่า ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ซึ่งการที่จะเป็นนักการเมือง เมื่อถึงการเลือกตั้งทุกพรรคก็ต้องมีการเสนอผู้ที่เหมาะสมมาเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรค พรรคภูมิใจไทยไทย ก็เสนอหัวหน้าพรรคมาโดยตลอด และในส่วนของความเป็นพรรคการเมือง เมื่อถึงการเลือกตั้งเมื่อใด ก็ต้องนึกเสมอว่าหากได้เป็นนายกรัฐมนตรีประเทศไทยจะได้อะไรจากพรรคภูมิใจไทย แต่ระหว่างกลางแบบนี้ไม่ต้องมีใครมากังวล เพราะมันจบเป็นครั้งถึงเวลาเลือกตั้ง เราก็มาสู้กัน ต่างคนก็ต่างทำแคมเปญ

เมื่อถามว่า พรรคภูมิใจไทย เติบโตขึ้นแบบก้าวกระโดด ทำให้มีกระบวนการอื่นๆ พยายามมาขัดขวาง นายอนุทิน กล่าวว่า ยิ่งขวางก็จะยิ่งโต และเดี๋ยวนี้การสื่อสารการกระจายข่าว หรือฝ่ายที่จ้องจะทำลาย ไม่ได้ทำได้อยู่ฝ่ายเดียว เดี๋ยวนี้ทุกคนเป็นเจ้าของสถานีทีวีกันหมด สามารถชี้แจงได้เอง เพียงแต่จะทำหรือไม่ทำก็เท่านั้น ทุกคนรู้เท่าทันกันหมด หากเรามั่นใจว่าไม่ได้ทำอะไรผิด และไม่ได้เป็นไปตามนั้นจริง ก็ไม่ต้องกลัวอะไร เพราะมันพิสูจน์ได้ด้วยหลักฐาน แต่ถ้าใครทำผิดก็เตรียมตัวตาย หากทำอะไรที่ไม่ถูกต้องแล้วคนออกมาตีแผ่ให้เห็นชัดเจน ทำอย่างไรก็ไม่รอด เพราะฉะนั้นพรรคภูมิใจไทย ยึดอยู่อย่างเดียวว่าหากใครไม่ได้ทำอะไรผิดก็ไม่ต้องกลัว แต่ใครทำผิดก็ตัวใครตัวมัน ไม่ต้องมาขอให้ช่วย แม้แต่คนในพรรคเองทุกคนก็ต้องปฏิบัติตัวให้ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม

เมื่อถามว่า มีโอกาสเห็นพรรคภูมิใจไทย ลุยสนามเลือกตั้งท้องถิ่นหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เราไม่ได้ลุยในนามพรรค แต่เรามีเครือข่ายอยู่แล้ว เพราะอย่างที่ตนเคยได้อธิบายให้กับสื่อมวลชนไป ว่า บางท่านก็เป็นญาติกัน น้องช่วยพี่ ญาติช่วยญาติ แต่หากมายึดโยงกับพรรคภูมิใจไทย และคนที่มาช่วยอยู่อีกพรรคการเมืองหนึ่ง ถึงแม้อยากจะช่วยเขาก็ช่วยไม่ได้ เพราะเดี๋ยวจะทำให้พรรคคู่แข่งนั้นโตขึ้นมา สุดท้ายมันไม่ได้เป็นประโยชน์กับใคร และไม่ได้เป็นประโยชน์กับประชาชนในท้องถิ่นนั้น พรรคเราคำนึงถึงประชาชนเป็นหลักอยู่แล้ว เราก็ถอนตัวออกมาในการที่จะส่งในนามพรรค หากเครือข่ายของพรรคภูมิใจไทย ท่านใดจะลงสมัครในท้องถิ่น เราก็มีความยินดีที่จะช่วยสนับสนุน ให้กำลังใจให้เขาได้รับชัยชนะ ยอมรับว่าวันนี้ทำอะไรมากไม่ได้ เพราะมีหน้าที่ในการรับผิดชอบดูแลความเรียบร้อยในการเลือกตั้ง ในฐานะรมว.มหาดไทย ที่ออกหนังสือเวียนให้ข้าราชการมหาดไทยทั่วประเทศวางตัวเป็นกลาง ดังนั้น เมื่อเป็นรัฐมนตรี จะไปเชียร์ใครออกนอกหน้าก็ไม่เหมาะสม กฎหมายไม่ได้ห้าม แต่มันไม่เหมาะสม