10 เรื่องใหญ่ทำศก.โลกสะดุด “สงคราม-สิ่งแวดล้อม-เทคโนโลยี-ช็อกโกแลตแพง”

10 เรื่องใหญ่ทำศก.โลกสะดุด “สงคราม-สิ่งแวดล้อม-เทคโนโลยี-ช็อกโกแลตแพง”

ก่อนเริ่มต้นปี 2568 การประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา หรือ UN Trade and Development ซึ่งเปลี่ยนชื่อมาจากอังค์ถัด เดิม รวบรวม 10 เรื่องเด่นปี 2567 ผ่านบทความ “2024 year in review: Top 10 stories from UN Trade and Development”

ได้แก่ 1. เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มเติบโตชะลอลงเหลือ 2.6% ในปี 2024 ซึ่งเป็นอัตราที่สูงกว่าเกณฑ์ความถดถอยเล็กน้อยคือ ที่ 2.5% 

2. วิกฤติทะเลแดง ทะเลดำ และคลองปานามา ซึ่ง UNCTAD ประเมินการขนส่งสินค้าทางทะเลมีสัดส่วนต่อการค้าทั่วโลกประมาณ 80% หากเกิดวิฤติทางทะเลก็ต้องทำให้การค้าชะงัก เริ่มตั้งแต่ที่ทะเลแดงที่มีการโจมตีเรือทวีความรุนแรงขึ้นและกำลังเพิ่มความตึงเครียดให้กับเส้นทางเดินเรือ ติดตามมาด้วยคลองสุเอซ ซึ่งเป็นเส้นทางน้ำสำคัญที่เชื่อมระหว่างทะเลเมดิเตอร์เรเนียนกับทะเลแดง ที่พบว่าการขนส่งสินค้าลดลงด้วย ส่วนคลองปานามา แม้จะอยู่ไกลจากพื้นที่ความขัดแข้งแต่ก็เผชิญแต่ในฐานะที่เป็นเส้นเลือดใหญ่ที่สำคัญอีกเส้นหนึ่งของการค้าโลก กำลังเผชิญกับภัยแล้งรุนแรงที่ทำให้ระดับน้ำลดลง ส่งผลให้ปริมาณการขนส่งทั้งหมดลดลงอย่างน่าตกตะลึงถึง 36%

ดังนั้น ราคาการขนส่งก็เพิ่มขึ้น พบว่า อัตราค่าระวางเฉลี่ยของตู้คอนเทนเนอร์ที่พุ่งสูงขึ้น 500 ดอลลาร์ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนธ.ค.ปี2024 ถือเป็นการเพิ่มขึ้นรายสัปดาห์สูงสุดเป็นประวัติการณ์

3. การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศหรือFDIในประเทศกำลังพัฒนาลดลง 9% ในปี 2023  โดยรายงาน Global Investment Trends Monitor ฉบับล่าสุดของ UNCTAD ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันที่ 17 ม.ค. 2024 ระบุว่า กระแสFDI ที่ไหลเข้าสู่ประเทศกำลังพัฒนาลดลง 9% เหลือ 841 พันล้านดอลลาร์ในปี 2023

      “การลดลงของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในภูมิภาคกำลังพัฒนาในปีที่แล้วเกิดขึ้นควบคู่ไปกับบริบทโลกที่การลงทุนอ่อนแอและมีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจสูง

4. กาซา: การทำลายล้างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน อีกสถานการณ์ความรุนแรงที่บั่นทอนการฟื้นตัว และบรรยากาศที่ดีของโลก ทั้งนี้แม้จะมองโลกในแง่ดีที่สุดว่า GDP ที่กาซาอาจเติบโตได้ 10% ต่อปี แต่ GDP ต่อหัวของกาซาจะยังต้องใช้เวลาถึงปี 2035 จึงจะกลับสู่ระดับก่อนการปิดล้อมในปี 2006 

5. รูปแบบการลงทุนที่เปลี่ยนไป: แนวโน้มการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ 5 ประการที่สำคัญและกระทบต่อการพัฒนา ประกอบด้วย แนวโน้มที่ 1 การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศพยายามดิ้นรนเพื่อให้ทันกับ GDP และการค้า  เนิื่องจาก FDI และห่วงโซ่มูลค่าโลก (GVC) จะไม่สอดคล้องกับการเติบโตของ GDP อีกต่อไป สอดคล้องกับ  แนวโน้มที่ 2 ว่าด้วยเปลี่ยนจากการผลิตไปสู่การบริการ FDIให้ความสำคัญกับการบริการมากกว่าการผลิต ทำให้ช่องว่างระหว่างทั้งสองภาคส่วนกว้างขึ้น

      “ตั้งแต่ปี 2004 ถึงปี 2023 สัดส่วนของโครงการกรีนฟิลด์ข้ามพรมแดนในภาคบริการเพิ่มขึ้นจาก 66% เป็น 81% ในเวลาเดียวกัน การลงทุนบริการภายในอุตสาหกรรมการผลิตเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าซึ่งขับเคลื่อนโดยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่รวดเร็ว ในทางตรงกันข้าม FDI ในภาคการผลิตหยุดชะงักเป็นเวลาสองทศวรรษ”

    แนวโน้มที่ 3 ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ส่งผลกระทบต่อกระแสFDIจนเปลี่ยนรูปแบบการลงทุนจากปกติ ส่งผลให้ความสัมพันธ์ด้านการลงทุน ไม่สอดคล้องกับโอกาสเรื่องของผลประโยชน์ที่จะได้รับ รวมถึงประโยชน์จากการกระจายความเสี่ยงทางยุทธศาสตร์ก็จะมีอยู่จำกัดด้วย

   แนวโน้มที่ 4 การลงทุนในเทคโนโลยีด้านสิ่งแวดล้อมพุ่งสูงขึ้น FDI ในเทคโนโลยีด้านสิ่งแวดล้อม เช่น พลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ จึงกลายเป็นภาคส่วนที่เติบโตเร็วที่สุดรองจากภาคบริการ

สัดส่วนของโครงการกรีนฟิลด์ทั้งหมดในภาคส่วนที่ไม่ใช่ภาคบริการเพิ่มขึ้นจาก 1% เป็น 20% ในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา ในทำนองเดียวกัน โครงการFDI ในการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่เติบโตขึ้น 27% ต่อปีตั้งแต่ปี 2016

   แนวโน้มที่ 5 การละเลยประเทศที่พัฒนาน้อยกระแสการลงทุนทั่วโลกเอื้อประโยชน์ต่อภาคส่วนต่างๆ มักมุ่งไปที่ตลาดเกิดใหม่ที่พัฒนาแล้วและตลาดเกิดใหม่ที่สำคัญ แต่กลับละเลยประเทศที่มีขนาดเล็กและด้อยพัฒนา ส่งผลให้ประเทศเหล่านี้มีความเปราะบางทางเศรษฐกิจมากขึ้น

6. แร่ธาตุสำคัญเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว: การเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานทั่วโลกนำมาซึ่งโอกาสและความเสี่ยงสำหรับประเทศกำลังพัฒนา เนื่องจากภาวะฉุกเฉินด้านสภาพอากาศทวีความรุนแรงขึ้น ความต้องการแร่ธาตุที่สำคัญสำหรับเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียน เช่น แผงโซลาร์เซลล์ กังหันลม และยานยนต์ไฟฟ้า (EV) จึงเพิ่มสูงขึ้น

“UNCTAD คาดการณ์โดย ใช้ข้อมูลจากสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศระบุว่าภายในปี 2050 ความต้องการลิเธียมอาจเพิ่มขึ้นมากกว่า 1,500% โดยมีการเพิ่มขึ้นในระดับเดียวกันสำหรับนิกเกิล โคบอลต์ และทองแดง”

7. UNCTAD เปลี่ยนชื่อเป็น “การค้าและการพัฒนาของสหประชาชาติ” จาก การประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (UNCTAD) ได้ประกาศเปลี่ยนชื่อองค์กรเป็น “การค้าและการพัฒนาของสหประชาชาติ” เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปีในปี2024 

    8. เทรนด์กระทบเศรษฐกิจโลก ได้แก่ ปัจจัยเศรษฐกิจกำลังพัฒนามีส่วนแบ่งในการค้าโลกเพิ่มขึ้น  ตั้งแต่ปี 1964 ถึงปี 2023 ส่วนแบ่งการค้าสินค้าโลกเพิ่มขึ้นจาก 22% เป็น 44% แม้ว่าความแตกต่างในภูมิภาคจะยังคงมีอยู่และไม่ใช่ทุกประเทศจะได้รับประโยชน์เท่าเทียมกันก็ตาม 

 ปัจจัยการลดลงของภาษีศุลกากร แต่มาตรการที่ไม่ใช่ภาษีกลับเพิ่มขึ้น นับหลายสิบปีที่ผ่านมาภาษีศุลกากรทั่วโลกลดลงจาก 13% เหลือ 7% ในขณะที่ความถี่ของมาตรการ NTM เพิ่มขึ้นจาก 53% เป็น 72%ทำให้ความซับซ้อนของมาตรการเหล่านี้และต้นทุนการปฏิบัติตามที่สูงขึ้นอาจเป็นเรื่องท้าทายสำหรับธุรกิจในประเทศกำลังพัฒนาโดยเฉพาะ ซึ่งขัดขวางความสามารถในการแข่งขันในระดับโลก

นอกจากนี้ยังมี ปัจจัยสินค้าส่วนใหญ่ขนส่งทางทะเลและการใช้ตู้คอนเทนเนอร์เพิ่มขึ้น ,เศรษฐกิจกำลังพัฒนามีสัดส่วนสินค้าที่ขนถ่ายลงจากเรือเพิ่มขึ้นทั่วโลก,เศรษฐกิจดิจิทัลที่เติบโตอย่างรวดเร็วสร้างโอกาสและความท้าทายสำหรับประเทศกำลังพัฒนา ,อัตราการปล่อยก๊าซต่อหัวที่เพิ่มขึ้นในประเทศกำลังพัฒนา, การค้าพลาสติกมูลค่าล้านล้านดอลลาร์ที่พุ่งสูงขึ้นเปิดโอกาสใหม่ๆ สำหรับสินค้าทดแทนพลาสติก, การพึ่งพาสินค้าโภคภัณฑ์ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องในโลกกำลังพัฒนา โดยสินค้าโภคภัณฑ์คิดเป็นมากกว่า 60% ของยอดขายทั้งหมด

9. ราคาช็อกโกแลตพุ่งสูง: เหตุผลทั้งหวานและขมของช็อกโกแลตมาจากปัจจัยการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ UNCTAD พบว่า ต้นทุนของโกโก้พุ่งสูงขึ้น 136% ระหว่างเดือนก.ค.2022 -ก.พ.2024 และราคาต่อตันในตลาดฟิวเจอร์สทะลุ 10,000 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 26 มี.ค.2024 

10. อัตราค่าระวางเรือที่สูงทำให้ห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกตึงเครียดและคุกคามเศรษฐกิจที่เปราะบาง ในปี 2024 เนื่องจากเรือเปลี่ยนเส้นทาง ท่าเรือแออัด และต้นทุนการดำเนินงานที่สูงขึ้น กลางปี ​​2024 ดัชนีการขนส่งสินค้าแบบตู้คอนเทนเนอร์เซี่ยงไฮ้ (SCFI) เพิ่มขึ้น 115% มากกว่าค่าเฉลี่ยในปี 2023 ถึงสองเท่า

UNCTAD คาดการณ์ว่า ในปี 2025 และ อีกหลายปีจากนี้ การค้าโลกยังต้องเผชิญกับความท้าทายที่มากขึ้น และซับซ้อนมากขึ้น ทำให้โครงสร้างการลงทุนและรูปแบบการค้าจากนี้จะเปลี่ยนไปอย่างมาก ซึ่งบทความนี้เป็นการรวบรวมข้อมูลจากสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วในปี 2024 ที่ผ่านมา หลายปัจจัยจบลงแล้วแต่อีกหลายปัจจัยยังคงดำเนินต่อไปแต่ผลกระทบโดยรวมคือ“เศรษฐกิจโลกปี 2025” ยังอยู่ในความยากลำบากต่อไป 

10 เรื่องใหญ่ทำศก.โลกสะดุด “สงคราม-สิ่งแวดล้อม-เทคโนโลยี-ช็อกโกแลตแพง”