หุ้นสหรัฐ - ยุโรป รับแรงกดดัน กลุ่มเทคโนฯ หลังสหรัฐพิจารณาคุมส่งออกชิปไปจีน
หุ้นสหรัฐปรับตัวลดลง ดัชนี S&P500 -1.39% และ NASDAQ -2.76% ทำระดับต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์ ถูกกดดันจากกลุ่ม Technology โดยเฉพาะอุตสาหกรรม Semiconductor หลังสหรัฐกำลังพิจารณาควบคุมการส่งออกอุปกรณ์ผลิตชิปไปยังจีนเพิ่มเติม ด้านตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลงเผ็นวันที่ 3 ติดต่อกัน ดัชนี STOXX600 -0.70%ถูกกดดันจากกลุ่ม Semiconductor เช่นกัน
บล.เอเชีย พลัส ระบุว่า หุ้นสหรัฐปรับตัวลดลง ดัชนี S&P500 -1.39% และ NASDAQ -2.76% ทำระดับต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์ โดยถูกกดดันจากกลุ่ม Technology โดยเฉพาะอุตสหาหกรรม Semiconductor หลังสหรัฐกำลังพิจารณาควบคุมการส่งออกอุปกรณ์ผลิตชิปไปยังจีนเพิ่มเติมสวนทาง Dow Jones +0.59% ที่ทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้ต่อเนื่อง 3 วันติดต่อกัน ขณะที่นักวิเคราะห์จาก Goldman Sach มองตลาดอาจเผชิญการปรับฐานในระยะสั้น และไม่แนะนำให้ใช้กลยุทธ์ Buy On Dip
โดยเฉพาะอุตสหาหกรรม Semiconductor ปรับตัวลงแรง ดัชนี philadelphia semiconductor index -6.81% หลังสหรัฐกำลังพิจารณาควบคุมการส่งออกอุปกรณ์ผลิตชิปไปยังจีนผ่านมาตรการ Foreign Direct Production Rule โดยคาดว่าจะมุ่งเน้นไปยังบริษัทอุปกรณ์ผลิตชิปอย่าง ASML และ Tokyo Electron สวนทางหุ้น Intel ที่ปรับตัวขึ้นหลังนักวิเคราะห์มองว่าได้รับผลกระทบจำกัดเนื่องจากบริษัทพยายามดำเนินธุรกิจในฝั่งสหรัฐ
ด้าน Goldman Sachs เตือนดัชนี S&P500 มีโอกาสปรับฐานและหลีกเลี่ยงให้ใช้กลยุทธ์ Buy on Dip โดยนักกลยุทธ์ระบุว่า
1.จากสถิติที่ผ่านมา วันที่ 17 ก.ค. มักเป็นจุดสูงสุดของตลาด และเวลาต่อมาจะเห็นการย่อตัวของดัชนี
2.ขณะเดียวกันการปิดสถานะในตราสารอนุพันธ์ช่วงสิ้นเดือนอาจส่งผลให้ตลาดผันผวนมากขึ้น
3.เม็ดเงินเริ่มไหลเข้ากองทุน Passive ชะลอตัวลง และ
4.หุ้นขนาดใหญ่ที่สุด 5 อันดับของตลาดซึ่งคิดเป็น 41% ของดัชนี กำลังเข้าสู่ช่วงประกาศผลการดำเนินงานซึ่งตลาดมีความคาดหวังสูง
ขณะที่ ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลงเผ็นวันที่ 3 ติดต่อกัน โดยดัชนี STOXX600 -0.70% ถูกกดดันจากกลุ่ม Semiconductor หลังสหรัฐกำลังพิจารณาควบคุมการส่งออกอุปกรณ์ผลิตชิปไปยังจีนเพิ่มเติม ด้านกลุ่ม Healthcare ปรับตัวลดลง นำโดย Novo Nordisk หลังผลการทดลองยารักษาโรคอ้วนเบื้องต้นของ Roche เป็นไปได้ด้วยดี
กลุ่ม Semiconductor ปรับตัวลงแรง นำโดย ASML -10.93% ถูกกดดันจากความกังวลเรื่องมาตรการกีดกันการส่งออกไปยังจีนที่จะเข้มงวดมากขึ้น รวมถึง บริษัทให้คาดการณ์ผลประกอบการณ์ไตรมาส 3 ที่ออกมาต่ำกว่าคาด
หุ้น Novo Nordisk -3.87% หลัง Roche ประกาศผลลัพธ์เชิงบวกจากการทดสอบPhase 1 ของยา GLP-1 แบบรับประทาน CT-996 สำหรับการรักษาผู้ที่เป็นโรคอ้วน โดยผลการทดลองแสดงให้เห็นว่าการรักษาด้วย CT-996 ในผู้ที่เป็นโรคอ้วนและไม่มีโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ส่งผลให้น้ำหนักลดลงเฉลี่ย -6.1% ในระยะเวลา 4 สัปดาห์
นักวิเคราะห์จาก UBS มองการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของยุโรปกำลังฟื้นตัว และอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงยังเป็นปัจจัยหนุนตลาดหุ้น อย่างไรก็ตามต้องเห็นกำไรบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาแข็งแกร่งมากกว่าคาด โดยทาง UBS คาดการณ์การเติบโตของ EPS ของดัชนี STOXX600 ในปี 2024 เติบโต 0% ต่ำกว่า Consensus ที่คาดเติบโต +5%
ขณะที่ปัจจุบันยังเห็นความอ่อนแอของผลประกอบการกลุ่ม Cyclical ที่รายงานออกมา ซึ่งยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยกดดันเช่นกันทั้งนี้ UBS คาดการณ์ว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ ECB ในปี2025 จะช่วยส่งเสริมการเติบโต ทำให้กลับสู่ระดับเกือบปกติที่ 1.2% ซึ่งจะช่วยให้บริษัทในยุโรปมีการเติบโตของยอดขายแต่แรงกดดันด้านอัตรากำไรอาจจำกัดการแปลงในเชิงบวกเป็นการเติบโตของกำไรต่อหุ้น