การเมืองไม่แน่นอนนักลงทุนเทขายหุ้นสหรัฐ

การเมืองไม่แน่นอนนักลงทุนเทขายหุ้นสหรัฐ

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลง ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่สอง เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นออกมาเป็นวงกว้าง ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองที่ไม่แน่นอนของสหรัฐ

ในวันพฤหัสบดี (18 ก.ค.67) ตามเวลาสหรัฐ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 40,665.02 จุด ลดลง 533.06 จุด หรือ -1.29%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,544.59 จุด ลดลง 43.68 จุด หรือ -0.78% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,871.22 จุด ลดลง 125.70 จุด หรือ -0.70%

ทิม กริสคีย์ นักกลยุทธ์ด้านพอร์ตโฟลิโอจากบริษัท Ingalls & Snyder ในรัฐนิวยอร์กกล่าวว่า ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา นักลงทุนได้ย้ายการลงทุนออกจากหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปสูงซึ่งรวมถึงหุ้นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ ไปยังหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปปานกลางและมาร์เก็ตแคปต่ำ แต่ล่าสุดนักลงทุนได้เทขายหุ้นออกมาเป็นวงกว้าง เพราะต้องการถือเงินสดเอาไว้ ในช่วงเวลาที่สถานการณ์การเมืองสหรัฐยังคงไม่แน่นอน

ยีน โกลด์แมน นักวิเคราะห์จากบริษัท Cetera Investment Management ในรัฐนิวยอร์ก กล่าวว่า นักลงทุนเทขายหุ้นออกมาเป็นวงกว้างหลังจากที่ได้ซึมซับข่าวดีต่าง ๆ แล้ว ซึ่งรวมถึงการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.และการที่สหรัฐมีแนวโน้มที่จะรอดพ้นจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยขณะนี้นักลงทุนมีความกังวลว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรครีพับลิกันจะออกมาแสดงความเห็นในเชิงลบอีกหรือไม่ หลังจากที่เขาขู่ว่าจะปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนหากได้กลับมาครองทำเนียบขาวอีกครั้ง

หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ร่วงลง 2.3% ตามด้วยดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยร่วงลง 1.28% ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นสวนทางภาพรวมของตลาด โดยปรับตัวขึ้น 0.33%

ดัชนี Nasdaq ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ดิ่งลง 2.8% ในวันพุธ (17 ก.ค.67) ซึ่งเป็นการปรับตัวลงในวันเดียวที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2565 โดยได้รับผลกระทบจากแรงเทขายหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี และเซมิคอนดักเตอร์ หลังจากมีรายงานว่ารัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน กำลังพิจารณาบังคับใช้มาตรการที่เข้มงวดกับบริษัทในกลุ่มเทคโนโลยี หากบริษัทเหล่านี้ยังคงอนุญาตให้จีนเข้าถึงเทคโนโลยีของสหรัฐ

ดัชนี CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนพ.ค.ปีนี้

หุ้นโดมิโน พิซซ่า (Domino’s Pizza) ร่วงลง 13.6% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายที่ต่ำกว่าคาด

หุ้นวอร์เนอร์ บราเธอร์ส ดิสคัฟเวอรี (Warner Bros. Discovery) พุ่งขึ้น 2.4% หลังมีรายงานว่าบริษัทกำลังวางแผนแยกธุรกิจดิจิทัลสตรีมมิง และธุรกิจสตูดิโอ ออกจากเครือข่ายทีวี

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก เพิ่มขึ้น 20,000 ราย สู่ระดับ 243,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 12 ส.ค.2566 และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 229,000 ราย

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟียเปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตในภูมิภาคมิด-แอตแลนติก พุ่งขึ้น 13 จุด สู่ระดับ +13.9 ในเดือนก.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ +2.9

ทั้งนี้ ดัชนีภาคการผลิตมีค่าเป็นบวกบ่งชี้ว่า ภาคการผลิตในภูมิภาคมิด-แอตแลนติกมีการขยายตัว โดยได้แรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของคำสั่งซื้อใหม่และการจ้างงาน

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์