ผลประกอบการซบกระทบดัชนีหุ้นสหรัฐร่วงระนาว

ผลประกอบการซบกระทบดัชนีหุ้นสหรัฐร่วงระนาว

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 500 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดที่ระดับต่ำสุดในรอบหลายสัปดาห์ หลังจากบริษัทอัลฟาเบท และเทสลาเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวัง บั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อบริษัทเทคโนโลยีมาร์เก็ตแคปสูง

ในวันพุธ (24 ก.ค.67) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 39,853.87 จุด ลดลง 504.22 จุด หรือ -1.25%,ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,427.13 จุด ลดลง 128.61 จุด หรือ -2.31% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,342.41 จุด ลดลง 654.94 จุด หรือ -3.64%

ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ระดับต่ำกว่า 40,000 จุดเป็นครั้งแรกในรอบ 2 สัปดาห์ ขณะที่ดัชนี S&P500 ร่วงลงในวันเดียวที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2565 และดัชนี Nasdaq ดิ่งลงในวันเดียวที่มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2565

หุ้น 7 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง 4.14% ตามด้วยดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยร่วงลง 3.9% ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคปรับตัวขึ้นมากที่สุด โดยเพิ่มขึ้น 1.16%

หุ้นเทสลา ร่วงลง 12.3% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงในวันเดียวที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2563 หลังบริษัทเปิดเผยอัตรากำไร (profit margin) ในไตรมาส 2/2567 ที่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 5 ปี และรายได้ที่ต่ำกว่าการคาดการณ์

หุ้นอัลฟาเบทซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ดิ่งลง 5% ปิดที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 31 พ.ค.ปีนี้ โดยแม้ว่าบริษัทเปิดเผยรายได้รวมที่สูงกว่าคาดในไตรมาส 2/2567 แต่รายได้จากการโฆษณาบน YouTube อยู่ในระดับต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ นอกจากนี้ บริษัทยังเปิดเผยค่าใช้จ่ายด้านการลงทุนที่อยู่ในระดับสูงในปีนี้

ผลประกอบการที่น่าผิดหวังของอัลฟาเบท และเทสลาได้บั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อ 7 บริษัทเทคโนโลยีที่มีมาร์เก็ตแคปสูง หรือกลุ่ม “Magnificent Seven” หลังจากที่หุ้นกลุ่มดังกล่าวทำผลงานดีเยี่ยมในปีนี้ โดยได้แรงหนุนจากความนิยมเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

การร่วงลงของหุ้นอัลฟาเบท และเทสลาได้ฉุดหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดิ่งลงอย่างหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นในกลุ่ม Magnificent Seven โดยหุ้นอินวิเดีย ร่วงลง 6.8% หุ้นแอปเปิ้ล ร่วงลง 2.9% หุ้นไมโครซอฟท์ ดิ่งลง 3.6% หุ้นอะเมซอน ร่วงลง 3% และหุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ ร่วงลง 5.6%

หุ้นวีซ่า ร่วงลง 4% และเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ฉุดดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลง หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ที่ต่ำกว่าคาด

ส่วนดัชนี CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ ปิดที่ระดับ 18.04 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 19 เม.ย.ปีนี้

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ลดลง 0.6% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 617,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือน และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 640,000 ยูนิต

เอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 55.0 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 27 เดือน จากระดับ 54.8 ในเดือนมิ.ย.

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2567 ของสหรัฐในวันนี้ และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในวันพรุ่งนี้ โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้า และบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์