สุดยอดหุ้น SETESG จ่ายปันผลสูงทะลุ 5% ยาวนาน 4 ปี
สุดยอดหุ้น SETESG จ่ายปันผลสูงทะลุ 5% ยาวนาน 4 ปี หุ้น NOBLE ให้เงินปันผลตอบแทน YTD สูงสุด 12.39%
ดัชนี SETESG เป็นดัชนีที่สะท้อนการเคลื่อนไหวราคาของกลุ่มหลักทรัพย์ของบริษัทที่มีการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ซึ่งพิจารณาปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (Environmental, Social and Governance หรือ ESG) ของบริษัทในการตัดสินใจลงทุนควบคู่ไปกับการวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินของบริษัท ซึ่งถ้าโฟกัสเฉพาะดัชนี SETESG ก็น่าสนใจอยู่แล้ว แต่ถ้าเพิ่มปัจจัยในเรื่องของอัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน หรือ Dividend Yield ที่สูงในระดับ 5% และยังมีความสม่ำเสมอต่อเนื่อง จ่ายปันผลติดต่อกันนานถึง 4 ปี ยิ่งน่าสนใจเพิ่มยิ่งขึ้น
โดยทาง “กรุงเทพธุรกิจ” ไปสำรวจหุ้นในดัชนี SETESG จ่ายปันผลสูงเกิน 5% ติดต่อกันนานถึง 4 ปี (ข้อมูลตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ณ 5 ส.ค.2567)
บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) NOBLE
- เงินปันผลตอบแทน YTD อยู่ที่ 12.39%
- เงินปันผลตอบแทนสิ้นปี 2566 อยู่ที่ 5.10%
- เงินปันผลตอบแทนสิ้นปี 2565 อยู่ที่ 7.75%
- เงินปันผลตอบแทนสิ้นปี 2564 อยู่ที่ 14.09%
- SET ESG Ratings อยู่ที่ระดับ AA
- CG Report ระดับ 5
บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) LH
- เงินปันผลตอบแทน YTD อยู่ที่ 8.85%
- เงินปันผลตอบแทนสิ้นปี 2566 อยู่ที่ 7.36%
- เงินปันผลตอบแทนสิ้นปี 2565 อยู่ที่ 5.05%
- เงินปันผลตอบแทนสิ้นปี 2564 อยู่ที่ 5.68%
- SET ESG Ratings อยู่ที่ระดับ A
- CG Report ระดับ 5
บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) TISCO
- เงินปันผลตอบแทน YTD อยู่ที่ 8.42%
- เงินปันผลตอบแทนสิ้นปี 2566 อยู่ที่ 7.77%
- เงินปันผลตอบแทนสิ้นปี 2565 อยู่ที่ 7.20%
- เงินปันผลตอบแทนสิ้นปี 2564 อยู่ที่ 6.56%
- SET ESG Ratings อยู่ที่ระดับ AAA
- CG Report ระดับ 5
บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) MC
- เงินปันผลตอบแทน YTD อยู่ที่ 7.94%
- เงินปันผลตอบแทนสิ้นปี 2566 อยู่ที่ 6.14%
- เงินปันผลตอบแทนสิ้นปี 2565 อยู่ที่ 5.71%
- เงินปันผลตอบแทนสิ้นปี 2564 อยู่ที่ 6.08%
- SET ESG Ratings อยู่ที่ระดับ AA
- CG Report ระดับ 5
บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) TCAP
- เงินปันผลตอบแทน YTD อยู่ที่ 7.11%
- เงินปันผลตอบแทนสิ้นปี 2566 อยู่ที่ 6.26%
- เงินปันผลตอบแทนสิ้นปี 2565 อยู่ที่ 7.06%
- เงินปันผลตอบแทนสิ้นปี 2564 อยู่ที่ 7.95%
- SET ESG Ratings อยู่ที่ระดับ A
- CG Report ระดับ 5
บริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน) TTW
- เงินปันผลตอบแทน YTD อยู่ที่ 6.86%
- เงินปันผลตอบแทนสิ้นปี 2566 อยู่ที่ 6.56%
- เงินปันผลตอบแทนสิ้นปี 2565 อยู่ที่ 6.67%
- เงินปันผลตอบแทนสิ้นปี 2564 อยู่ที่ 5.26%
- SET ESG Ratings อยู่ที่ระดับ AA
- CG Report ระดับ 5
บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) STGT
- เงินปันผลตอบแทน YTD อยู่ที่ 5.62%
- เงินปันผลตอบแทนสิ้นปี 2566 อยู่ที่ 11.19%
- เงินปันผลตอบแทนสิ้นปี 2565 อยู่ที่ 46.44%
- เงินปันผลตอบแทนสิ้นปี 2564 อยู่ที่ 8.66%
- SET ESG Ratings อยู่ที่ระดับ AAA
- CG Report ระดับ 5
บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) STA
- เงินปันผลตอบแทน YTD อยู่ที่ 5.18%
- เงินปันผลตอบแทนสิ้นปี 2566 อยู่ที่ 12.42%
- เงินปันผลตอบแทนสิ้นปี 2565 อยู่ที่ 19.67%
- เงินปันผลตอบแทนสิ้นปี 2564 อยู่ที่ 7.26%
- SET ESG Ratings อยู่ที่ระดับ AAA
- CG Report ระดับ 5
กรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.กรุงศรี ให้ข้อมูลกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า ในนส่วนของกองทุน TESG ที่ได้มีการอนุมัติไป ถือว่าจะเป็นตัวช่วยในเชิงบวกระยะยาวที่จะทำให้ตลาดหุ้นมีความแข็งแรงขึ้นเป็นลำดับ โดยในอดีตที่ผ่านมา หลังปี 2004 เป็นต้นมา เริ่มมีกองทุน LTF จากเงินลงทุนระยะยาวเพื่อการออมเพื่อการเกษียณเกิดจากกองทุน LTF ที่มีการสนับสนุนตัวลองเทอมฟันด์เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่ 5,000 ล้านบาทต่อปี ไปจนถึงช่วง 3 ปีสุดท้ายอยู่ที่ 68,000 ล้านบาทที่เข้ามาในตลาดหุ้นไทย แต่ทว่าตรงได้หายไปในช่วงที่กองทุน LTF หมดลง
ทั้งนี้ เมื่อกองทุน TESG แม้ว่าสิทธิในการลดหย่อนภาษีจะต่ำกว่าแค่ 300,000 บาท ไม่เท่า 500,000 บาท เหมือนกองทุน LTF ในอดีต แต่ทว่า สัดส่วนที่ซื้อเพื่อการลดหย่อนภาษีได้เพิ่มขึ้นจาก 15% มาเป็น 30% จะทำให้ตัวเม็ดเงินไม่ได้ต่างไปจากเดิม เนื่องจากว่าคนที่มีฐานรายได้ Middle Income จะซื้อกองทุน TESG ได้มากกว่าเดิม
โดยคาดว่าจะมีเม็ดเงินเข้ามาประมาณปีละ 68,000 - 73,000 ล้านบาท ถ้าเริ่มมีการเปิดขายเต็มปี จะทำให้โครงสร้างของตลาดหุ้นมีความแข็งแรงมากขึ้น จากเม็ดเงินการลงทุนเพื่อการเกษียณที่เข้ามาต่อเนื่องอย่างน้อย ๆ 5 ปีถัดไป
ส่วนประเด็นหลักที่ยังคงต้องลุ้นตลาดหุ้นจะไปได้ต้องมีโครงสร้างเศรษฐกิจภายในประเทศฟื้นตัว ในส่วนของลองเทอมฟันด์จะช่วยเพิ่มเสถียรภาพของตลาดที่ต่างชาติเข้าและออกเท่านั้น ฉะนั้นภาพรวมที่เหลือของปีคาดว่า ตลาดหุ้นไทยน่าจะมีการฟื้นตัวได้ดีขึ้นตามลำดับ
สำหรับหุ้นไทยที่อยู่ในกลุ่ม SETESG ก็จะได้รับอานิสงส์ไปด้วย เนื่องจากเป็นหุ้นที่มีคุณภาพที่เป็นหุ้นขนาดใหญ่ และขนาดกลางที่ค่อนข้างจะมีความยั่งยืนในระดับหนึ่ง ฉะนั้นหุ้นในกลุ่มนี้ก็จะได้รับประโยชน์เชิงบวก หากนักลงทุนสถาบันเล็งเห็นระยะกลาง ระยะยาวมีการเติบโตที่ดีขึ้นก็จะทำให้มีนักลงทุนทยอยเข้ามา
วีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. ฟินันเซีย ไซรัส ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า หลังจากที่ได้มีการอนุมัติกองทุน TESG หลังจากนี้น่าจะมีเม็ดเงินใหม่เข้ามาลงทุนในหุ้นไทยเต็มเม็ดเต็มหน่วยมากขึ้น จากก่อนหน้านี้ถ้าเทียบเงื่อนไขกับกองทุน SSF หรือกองทุน RMF ที่อาจจะมีไปลงทุนในต่างประเทศในสัดส่วนที่สูงกว่า แต่พอมาเป็นกองทุน TESG ซึ่งก็ต้องลงทุนในไทยอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นในหุ้นหรือพันธบัตร แต่ทว่า จะทำให้เม็ดเงินอยู่ในตลาดทุนมากขึ้น
ขณะที่หุ้นขนาดใหญ่ที่อยู่ใน SETESG ที่มีเรตติ้งสูงก็จะได้รับอานิสงส์ โดยหุ้นที่คาดว่าน่าสนใจ เช่นหุ้น AOT ADVANC GULF CPALL BDMS เป็นต้น
"จะช่วยหนุนให้ตลาดหุ้นไทยอาจจะขยับฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตาม ต้องดูวันที่ 14 ส.ค.2567 ที่จะมีการตัดสินคดีของนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ด้วย แต่ทว่า ประเด็นนี้มีการเคลียร์จบได้ในทางบวก ก็น่าจะหนุนให้ตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวกลับมาได้ต่อ"