‘วายุภักษ์1’ ขนเงินแสนล้าน ช้อปหุ้นบิ๊กแคป-ดันดัชนีไตรมาส 4

‘วายุภักษ์1’ ขนเงินแสนล้าน  ช้อปหุ้นบิ๊กแคป-ดันดัชนีไตรมาส 4

เคาะแล้วสำหรับกองทุนแสนที่จะเข้ามาเป็นตัวช่วยตลาดหุ้นไทยนาทีนี้ “กองทุนวายุภักษ์1” ด้วยการเสนอขายหน่วยลงทุนภายในไตรมาส 3 ปี 2567 เป็นการเพิ่มมูลค่ากองทุนไม่เกิน 1-1.5 แสนล้านบาท ส่งผลทำให้กองทุนจะมีมูลค่า 5 แสนล้านบาทถือว่า "ใหญ่ที่สุดในตลาดหุ้นไทย "

       หากตามแผนการเสนอขายเป็นไปตามวางไว้นักลงทุน และผู้ที่สนใจสามารถซื้อหน่วยลงทุนประเภท ก. (เสนอขายนักลงทุนทั่วไป)  จากนั้นนำเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เหมือนกับกองทุนวายุภักษ์ก่อนหน้านี้

        กระแสความสนใจลงทุนในกองทุนวายุภักษ์ถือว่าสูงจากเงื่อนไขที่แทบจะเข้าขั้นประกันความเสี่ยง จากระยะเวลาการลงทุนเบื้องต้น 10 ปี มีกลไกคุ้มครองเงินลงทุนของหน่วยลงทุนประเภท ก. จากการได้รับชำระคืนเงินลงทุนตามแนวทางการชำระคืนเงินลงทุนที่มีลักษณะเป็น water fall  

  การจ่ายปันผลสม่ำเสมอแต่ละปีตามอัตราผลตอบแทนที่เกิดขึ้นจริง   แต่ไม่น้อยกว่าอัตราผลตอบแทนขั้นต่ำ และไม่เกินกว่าอัตราผลตอบแทนขั้นสูงหากย้อนไปช่วงเปิดขายกองทุนวายุภักษ์ครั้งแรกปี 2546  ด้วยมูลค่ากองทุน 100,000 ล้านบาท  สามารถผลักดันมูลสินทรัพย์ (NAV) ผ่านการลงทุนหลักในตลาดหุ้นไทย

         ปัจจุบันเมื่อดูพอร์ตลงทุนมีการกระจายลงทุนที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นหุ้น - หน่วยลงทุนในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน - หุ้นกู้ - เงินฝากธนาคาร - ตั๋วเงินคลัง และพันธบัตร แต่สัดส่วนใหญ่สุดคือ หุ้นสามัญในตลาดหุ้นไทย 90%

        ‘วายุภักษ์1’ ขนเงินแสนล้าน  ช้อปหุ้นบิ๊กแคป-ดันดัชนีไตรมาส 4

    

       กองทุนวายุภักษ์รอบนี้วางนโยบายการลงทุนในหลักทรัพย์ทั้งแบบเชิงรุก (Active Investment) และแบบเชิงรับ (Passive Investment) โดยส่วนใหญ่จะลงทุนในตราสารทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เน้นบริษัทที่มีผลตอบแทนที่ดี มีความมั่นคงในระยะยาว ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน และมีการกำกับดูแลกิจการที่ดี น่าจะอิงกับหุ้นที่เข้าคำนวณดัชนี Set ESG  Rating

     ข้อมูลล่าสุด (9 ส.ค.2567) NAV กองทุนอยู่ที่ 321,798 ล้านบาท   ขณะที่ในรอบ 10 ปี  จากปี 2558 NAV ที่ 233,206 ล้านบาท  สามารถทำ NAV สูงสุดในปี  2560 ที่ 369,250 ล้านบาท   ซึ่งความผันผวนของตลาดหุ้นไทยและผลตอบแทนที่ลดลงช่วง 3 ปีหลังทำให้ NAV กองทุนแทบจะไม่เติบโตแต่ยังรักษามูลค่าสินทรัพย์เอาไว้ได้

    โดยหุ้น 5 อันดับแรกที่กองทุนวายุภักษ์ปัจจุบันถือลงทุนอยู่  SCBX 23.32 %  - BCP 21.47 % - PTT 12.16 %  - TTB 10.32 %   และ  KTB 3.92 %    รอบเสนอขายเพิ่มเติมครั้งนี้คาดการณ์หุ้นที่น่าจะอยู่ในรายชื่อเป้าหมายในการลงทุนของกองทุน

      ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี (ประเทศไทย) ระบุวงเงินเสนอขายราว 1.5  แสนล้านบาทเป็นการขายเพิ่มเติมจากกองทุนเดิมที่มีมูลค่าประมาณ 3.5  แสนล้านบาททําให้ขนาดกองทุนวายุภักษ์ใหญ่ขึ้นมีขนาดกองทุนเป็น 5 แสนล้านบาทถ้าจะมีการขยายขนาดกองทุนจะต้องขออนุมัติเพิ่มเติมจาก ครม. 

       ทั้งนี้การลงทุนในหน่วยลงทุนวายุภักษ์จะมีการการันตีผลตอบแทนที่เทียบเคียงกับผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10  ปีหรือราว 3.5-4 %  ต่อปีโดยไม่รวมกําไรจากการขายหน่วยลงทุน  (Capital Gain)  คาดว่าหุ้นที่จะเป็นเป้าหมายลงทุนของกองทุนวายุภักษ์ที่จะเปิดขายใหม่นี้ เช่น PTT, BCP, SCB, SCC, SCGP, IVL, KTB, TTB, AOT, ADVANC, GULF, BDMS, CPALL, CRC, CPN, MINT เป็นต้น

        ความชัดเจนของกองทุนขนาดใหญ่ถือว่าเป็น "ข่าวบวกสำหรับตลาดหุ้นไทย" ที่แห้งแล้งจากเม็ดเงินใหม่ที่เข้ามาลงทุน และยังเป็นจุดความเชื่อมั่นให้กับผู้ลงทุนไทย ที่ยังไม่สามารถวางใจการลงทุนในทั้งหุ้นรายตัว หรือตราสารหนี้อย่างหุ้นกู้ ที่เผชิญปัจจัยลบ

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์