สำรวจ 7 ธุรกิจอาหารเสริม ในตลาดหุ้นไทย ใครกำไรมากสุด? 

สำรวจ 7 ธุรกิจอาหารเสริม ในตลาดหุ้นไทย ใครกำไรมากสุด? 

สำรวจ 7 ธุรกิจอาหารเสริม ในตลาดหุ้นไทย ปี 2566 หุ้น MEGA มีกำไรมากสุด 1,992.67 ล้านบาท "กููรู" เผย ผู้คนให้ความใส่ใจสุขภาพมากขึ้ืน โดยเฉพาะผู้สูงวัย

ปฎิเสธไม่ได้ว่า ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเป็นสินค้าเมกะเทรนด์ของโลก หลังจากที่ผู้คนหันมาให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพกันมากขึ้นในทุกช่วงวัย  รวมถึงเทรนด์สังคมผู้สูงอายุที่ปัจจุบันประเทศไทยมีจำนวนผู้สูงอายุที่มากกว่า 20% จากประชากรทั้งหมด และคาดว่า ในอนาคตอีก 4-5  ปี ข้างหน้านี้ไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบ ทำให้สินค้าอาหารเสริมสำหรับผู้สูงอายุมีความต้องการเป็นจำนวนมาก 

 

Euromonitor International บริษัทวิจัยด้านการตลาด ระบุว่า อุตสาหกรรมเสริมอาหารในประเทศไทย ปี 2566 มีมูลค่าตลาดรวม 87,000 ล้านบาท คนไทยมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยประมาณ 1,036 บาทต่อเดือนต่อคน

ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขได้ทำการสำรวจพบว่า ประชาชนกว่า 70% มีความเห็นว่าผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเป็นสิ่งจำเป็นต้องรับประทานเป็นประจำ

ดร.ภก.ชาญณรงค์ เตชะอังกูร ประธานกิตติมศักดิ์กลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ให้ข้อมูลกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมปีที่ผ่านมามีมูลค่า 87,000 ล้านบาท ทิศทางเฉลี่ยเติบโตอยู่ที่ 9.2% ซึงมีการทำวิจัยไปจนถึงปี 2570 

ทั้งนี้ ในบ้านเรากำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุที่จะมีเพิ่มมากขึ้น กลุ่มนี้จึงต้องการอาหารเข้ามาเสริมเพื่อให้มีสุขภาพที่แข็งแรงขึ้น และยังมีการสร้างภูมิคุ้มกัน รวมถึงชะลอวัย นอกจากนี้ในกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อ ยังคงมีความต้องการผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อรักษาสุขภาพ ป้องกัน หรือแม้กระทั่งอาหารเสริมที่ดูแลเรื่องจิตและอารมณ์ หรือพวกการแพทย์องค์รวมที่สนใจ 

“ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารคนจะใช้นำมาเสริมภูมิคุ้มกันต่าง ๆ บางคนนำมาใช้ Wellness หรือบางคนรับประทานทดแทนจากคนที่แพ้นม และผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มาแรงคือ โพรไบโอติกส์ เป็นสินค้าที่ดีสำหรับลำไส้ แนวโน้มโลกมีการเติบโตปีละ 9 -10% ส่วนของไทยผลิตภัณฑ์ โพรไบโอติกส์  มีค่อนข้างมากพอสมควรประมาณ 20-30 แบรนด์”

แต่ทว่า ธุรกิจอาหารเสริมก็ยังขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งในปีนี้ไทยเศรษฐกิจเริ่มไม่มี สังเกตว่า ผู้คนจะใช้น้อยลงก่อน แต่ภาพรวมยังคงมีการเติบโต เนื่องจากเพิ่งจะผ่านมาได้ 2 ไตรมาส  

สิทธิชัย แดงประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทโรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด​ (มหาชน) หรือ JSP ให้ข้อมูลเสริมว่า ในครึ่งปี 2567 ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารของ JSP เติบโต 40% โดยปัจจัยสนับสนุนมาจากการปรับกลยุทธ์การตลาดของบริษัทที่หันไปเจาะกลุ่มผู้สูงวัย โดยได้แต่งตั้ง แม่อี๊ด ดวงใจ หทัยกาญจน์ เป็นพรีเซนเตอร์คนแรกของแบรนด์ น้ำมันงาดำรำข้าว สุภาพโอสถ ส่งผลให้ได้รับการตอบรับเชิงบวกจากกลุ่มผู้สูงวัยอย่างมาก 

โดยกลุ่มนี้ถือว่าเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง ซึ่งมีอัตราการจ่ายต่อการซื้อหนึ่งครั้งเฉลี่ยอยู่ที่ 2,000 บาท และสัดส่วนประชากรไทยในปัจจุบันก็มีแนวโน้มของผู้สูงวัยมากขึ้น ชปัจจุบันสัดส่วนลูกค้าที่เป็นผู้สูงวัยอยู่ที่ 30% ของลูกค้าทั้งหมดและคาดว่าจะเพิ่มขึ้นในทุกๆปี  โดยแบรนด์สุภาพโอสถ เป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมของ JSP

นอกจากนี้ มองว่าแนวโน้มยอดขายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ต่ำกว่าปีละ 2 หลัก โดย JSP ประเมินว่าปัจจัยที่สนับสนุนการเติบโตของกำลังซื้อจากกลุ่มผู้สูงวัยมาจาก 4 ปัจจัยหนุนได้แก่

1.เทรนด์ดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน ตัวเลขตลาดรวมสุขภาพเชิงป้องกันที่คาดว่าจะแตะ 5.5 แสนล้านบาท ภายในปี 2568 มูลค่าตลาดสุขภาพเชิงป้องกันในกลุ่มผู้สูงอายุ คิดเป็น 22% ของมูลค่าตลาดรวมสุขภาพเชิงป้องกันคาดว่าจะแตะ 1.2 แสนล้านบาท ภายในปี 2568 เป็นผลมาจากจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นคนอายุยืนขึ้น  

อีกทั้งทิศทางตลาดอุตสาหกรรมยาทั่วโลก มีแนวโน้มจะปรับราคายาขึ้นไปอย่างต่ำ 20% ภายในปีนี้ เนื่องจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตยาพุ่งขึ้นอย่างก้าวกระโดด จึงเป็นปัจจัยสนับสนุนเทรนด์การดูแลสุขภาพเชิงป้องกันก่อนป่วยให้ได้รับความสนใจมากขึ้น

2.เทรนด์ไม่บริโภคและใช้ผลิตภัณฑ์จากสารเคมี สังคมปัจจุบันเริ่มตระหนักมากขึ้นถึงอันตรายของสารเคมีที่มีต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม มองหาทางเลือกที่เป็นธรรมชาติและยั่งยืนมากขึ้นความกังวลด้านสุขภาพ สารเคมีหลายชนิดเชื่อมโยงกับปัญหาด้านสุขภาพที่ร้ายแรง เช่น มะเร็ง โรคทางระบบประสาท 

และปัญหาการเจริญพันธุ์ ความต้องการทางเลือกที่เป็นธรรมชาติ คนจำนวนมากกำลังมองหาทางเลือกที่เป็นธรรมชาติและยั่งยืนมากขึ้น ต้องการผลิตภัณฑ์ที่ทำจากส่วนผสมจากธรรมชาติและไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพหรือสิ่งแวดล้อมตลาดสินค้าออร์แกนิกส์ในประเทศไทยมีมูลค่า 2,800 ล้านบาทในปี 2564 คาดการณ์ว่าจะเติบโตถึง 4,000 ล้านบาทภายในปี 2568

3.เทรนด์ครอบครัวอยู่คนเดียว ครอบครัวไทยยุคใหม่มีครอบครัวขยายมีจำนวนน้อยลง ขนาดครอบครัวเดี่ยว และครอบครัวคนเดียวเพิ่มมากขึ้น มีผู้สูงอายุอยู่คนเดียวมากขึ้น ใน ปี 2564 มีผู้สูงอายุไทยอายุ 60 ปีขึ้นไป อาศัยอยู่คนเดียว 842,184 คน คิดเป็น 10.2% ของผู้สูงอายุทั้งหมด และคาดการณ์ว่าจำนวนผู้สูงอายุไทยอยู่คนเดียวจะเพิ่มสูงขึ้นเป็น 1.8 ล้านคนภายในปี 2574 ส่งผลให้ผู้สูงอายุต้องการดูแลสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อให้สามารถดูแลพึ่งพาตัวเองได้

4.เทรนด์ไม่อยากแก่ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ประชาชนมีอายุยืนยาวขึ้น ต้องการมีคุณภาพชีวิตที่ดี ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและแข็งแรงแม้ในวัยสูงอายุ ผู้สูงอายุเริ่มเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง และตระหนักถึงการดูแลสุขภาพให้แข็งแรงและดูดีอยู่เสมอ

มนู สว่างแจ้ง กรรมการ บริษัท อินโนบิก (เอเชีย) จำกัด บริษัทในกลุ่ม ปตท. อดีตผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เทรนด์ของประชาชนเริ่มอายุมากขึ้น ซึ่งผู้สูงอายุมีการรับประทานอาหารเพียงไม่กี่อย่าง จึงไม่เพียงขาดวิตามิน โดยแนวโน้มทิศทางของสหรัฐ และญี่ปุ่น มายังประเทศไทย ผู้สูงอายุมีมากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้ตลาดอาหารเสริมโตขึ้น 

แต่ทว่าเมืองไทยยังมีปัญหาด้านเศรษฐกิจ จึงทำให้อาหารเสริมค่อยข้างแพง โดยผลิตภัณฑ์อาหารเสริมยังคงอยู่ในกลุ่มผู้ที่มีการศึกษา ซึ่งผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่นิยมคือเกี่ยวกับการบำรุงระบบประสาท เนื่องจากพอเริ่มสูงวัย เริ่มมีอาการหลงลืม 

“แนวโน้มธุรกิจอาหารเสริมค่อนข้างใหญ่ แต่ธุรกิจจะดีตอนช่วงที่เศรษฐกิจดี ซึ่งจะเป็นมาตรวัด ยิ่งช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดีอาจจะขายไม่ได้”

ทั้งนี้จากการสำรวจธุรกิจอาหารเสริมที่อยู่ในตลาดหุ้นไทย พบว่า มีอยู่ด้วยกัน 7 หลักทรัพย์ 

บริษัท เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์ จำกัด (มหาชน) MEGA

  • กำไรปี 2566 ที่ 1,992.67 ล้านบาท 
  • รายได้ ปี 2566 ที่ 15,776.27 ล้านบาท 
  • ราคา YTD -3.73%
  • เงินปันผล YTD 4.13%
  • มาร์เก็ตแคป 33,784.94 ล้านบาท
  • ผลิิตภัณฑ์อาหารเสริมแบรนด์ Mega We Care และ Maxxcare

บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) RS

  • กำไรปี 2566 ที่ 1,395.23 ล้านบาท 
  • รายได้ ปี 2566 ที่ 3,805.23 ล้านบาท 
  • ราคา YTD -14.39%
  • เงินปันผล YTD 5.04%
  • มาร์เก็ตแคป 12,729.97 ล้านบาท
  • ผลิิตภัณฑ์อาหารเสริมแบรนด์ Well u  Vitanature+  Daring&co.  Beyonde

บริษัท เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์ จำกัด (มหาชน) APCO

  • กำไรปี 2566 ที่ 107.49 ล้านบาท 
  • รายได้ ปี 2566 ที่ 309.54 ล้านบาท 
  • ราคา YTD +7.69%
  • เงินปันผล YTD 3.21%
  • มาร์เก็ตแคป 3,360.00 ล้านบาท
  • ผลิิตภัณฑ์อาหารเสริมแบรนด์ Gold Shape Plus  GS Hi-Sol  GARCINIA  MYLIFE  VVIN Plus  SIB  DIABENOX  BIM.D  ARTHRINOX  BIM.A  NORIASIS  TUMORID  Th 17  Th Plus  BIM C  BIM O  BIM E  LIV  LIV Plus  KTCEL  mylife100 ฯลฯ 

บริษัท ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ จำกัด (มหาชน) SCM

  • กำไรปี 2566 ที่ 86.16 ล้านบาท 
  • รายได้ ปี 2566 ที่ 983.02 ล้านบาท 
  • ราคา YTD +7.43%
  • เงินปันผล YTD 4.01%
  • มาร์เก็ตแคป 2,273.44 ล้านบาท
  • ผลิิตภัณฑ์อาหารเสริมแบรนด์ Nutrinal 

บริษัท ดีโอดี ไบโอเทค จำกัด (มหาชน) DOD

  • กำไรปี 2566 ที่ 7.19 ล้านบาท 
  • รายได้ ปี 2566 ที่ 710.36 ล้านบาท 
  • ราคา YTD -55.41%
  • เงินปันผล YTD -%
  • มาร์เก็ตแคป 743.18 ล้านบาท
  • ผลิิตภัณฑ์อาหารเสริมแบรนด์ DOD 

บริษัท โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) JSP

  • กำไรปี 2566 ที่ -1.27 ล้านบาท 
  • รายได้ ปี 2566 ที่ 594.36 ล้านบาท 
  • ราคา YTD -16.96%
  • เงินปันผล YTD -%
  • มาร์เก็ตแคป 906.40 ล้านบาท
  • ผลิิตภัณฑ์อาหารเสริมแบรนด์ JSP

บริษัท โนวา ออร์แกนิค จำกัด (มหาชน) NV

  • กำไรปี 2566 ที่ -67.80 ล้านบาท 
  • รายได้ ปี 2566 ที่ 619.77 ล้านบาท 
  • ราคา YTD -39.46%
  • เงินปันผล YTD -%
  • มาร์เก็ตแคป 534.00 ล้านบาท
  • ผลิิตภัณฑ์อาหารเสริมแบรนด์ LIVNEST DONUTT

สำรวจ 7 ธุรกิจอาหารเสริม ในตลาดหุ้นไทย ใครกำไรมากสุด?