สื่อญี่ปุ่นคาดกำไร’หุ้นบลูชิป’ลดลงครั้งแรกในรอบ 4 ปี แรงฉุด'เยนแข็งค่า'
สื่อญี่ปุ่นคาดกำไร 'หุ้นบลูชิป’ ร่วงกว่า 1% ลดลงครั้งแรกในรอบ 4 ปี จากแรงฉุด'เงินเยนแข็งค่า’และ'เศรษฐกิจสหรัฐ’เสี่ยงชะลอตัว มองภาคยานยนต์เจ็บหนักสุด กำไรดิ่ง 20%
สำนักข่าวนิกเกอิเอเชีย รายงานความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นญี่ปุ่น โดยคาดว่ากำไรของ “หุ้นบลูชิป” หรือบริษัทชั้นนำของญี่ปุ่นจะลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปีในปีงบประมาณ 2567 ท่ามกลางการฟื้นตัวของค่าเงินเยนและแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐที่กำลังเข้าสู่ความมืดมน
นิเคอิได้รวบรวมประมาณการผลประกอบการของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียวประมาณ 1,060 แห่ง โดยใช้การคาดการณ์ของตลาดสำหรับบริษัทที่ยังไม่ได้เปิดเผยประมาณการ พบว่าจะทำกำไรรวม 46.5 ล้านล้านเยน (ราว 11.6 ล้านล้านบาท ) หรือลดลง 1% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งดีขึ้นจากที่คาดการณ์ไว้ในช่วงต้นปีว่าจะลดลง 2%
ขณะเดียวกันมีการคาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ เหล็ก น้ำมัน และไฟฟ้าจะมีกำไรลดลง 20% หรือมากกว่า ส่วนอุตสาหกรรมเครื่องจักรไฟฟ้าและเคมีภัณฑ์จะเติบโตแบบสองหลัก แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะชดเชยตลาดในส่วนอื่นๆที่ตกต่ำ
‘เยนแข็งค่า’ฉุดกำไรร่วง
ผลกำไรของบริษัทญี่ปุ่นที่ลดลงในครั้งนี้ เกิดจากปัจจัยสำคัญหลายประการ หนึ่งในนั้นคือการสูญเสียแรงหนุนจากการอ่อนค่าของเงินเยนในช่วงที่ผ่านมา โดยบริษัทเหล่านี้ได้คาดการณ์ผลกำไรโดยอิงจากอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยประมาณ 145 เยนต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับเดียวกับปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม เงินเยนได้แข็งค่าขึ้นเกินระดับ 142 เยนต่อดอลลาร์ ในวันที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา หลังจากธนาคารกลางญี่ปุ่นปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
แม้ว่าบริษัทขนาดใหญ่ 58 แห่งคาดว่าผลกระทบของอัตราแลกเปลี่ยนจะส่งผลดีต่อกำไรจากการดำเนินงานในปีนี้ รวมกันกว่า 1 หมื่นล้านเยน ซึ่งก็ยังต่ำกว่าตัวเลขในปีที่แล้วที่ 2 ล้านล้านเยน
ขณะที่ ซูบารุได้ปรับลดการคาดการณ์อัตราแลกเปลี่ยนมาอยู่ที่ 142 เยนต่อดอลลาร์ โดยคาดว่าอัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวนจะส่งผลกระทบต่อกำไรของบริษัทถึง 2.8 หมื่นล้านเยน โดยปีที่ผ่านมาเงินเยนที่อ่อนค่าได้ช่วยเพิ่มกำไรให้กับบริษัทถึง 1.2 แสนล้านเยนเลยทีเดียว
คาซึยูกิ มิซึมะ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของซูบารุ กล่าวว่า "เราจำเป็นต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนในปัจจุบันมีความผันผวนสูงมาก”
กังวล'เศรษฐกิจสหรัฐ’ชะลอตัว
ความเสี่ยงของการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐก็ เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่น่ากังวล โดยผู้ผลิตรถยนต์กำลังเผชิญกับสินค้าคงคลังที่เพิ่มขึ้น และต้นทุนของการสร้างแรงจูงใจในการขายให้กับลูกค้าก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เอจิ ฟุจิมุระ ผู้บริหารระดับสูงของฮอนด้า มอเตอร์ กล่าวว่าเริ่มเห็นสัญญาณเชิงลบสำหรับเศรษฐกิจ
ล่าสุด มีบริษัทญี่ปุ่นจำนวน 96 แห่ง หรือคิดเป็นประมาณ 9% ของบริษัททั้งหมดที่เข้าร่วมสำรวจ ได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิประจำปี ซึ่งเป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกับสองปีที่ผ่านมา การปรับเพิ่มนี้ส่งผลให้การคาดการณ์กำไรสุทธิรวมเพิ่มขึ้นถึง 7.1 แสนล้านเยน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริษัทเทคโนโลยีอย่างโตเกียวอิเล็กตรอนและอดเวนเทสต์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์การผลิตชิป AI กำลังทำผลงานได้อย่างโดดเด่นจากความต้องการที่สูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2567 ที่ผ่านมาถือว่าน่าพึงพอใจ โดยบริษัทต่างๆ ทำกำไรสุทธิได้ถึง 30% ของเป้าหมายรายปี ซึ่งสูงกว่าปีที่แล้ว 3% แสดงให้เห็นถึงการเริ่มต้นที่ดีของปีงบประมาณใหม่ แม้ว่าหลายบริษัทจะยังคงรักษาประมาณการเดิมไว้ แต่ก็ยังมีโอกาสที่บริษัทเหล่านี้จะทำกำไรสูงสุดได้ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 หากสภาวะตลาดโดยรวมยังคงเป็นไปในทางบวก
มาซาฮิโร อิชิกาวะ นักกลยุทธ์ตลาดจากซูมิโตโม มิซุย ดีเอส มองว่า หากเศรษฐกิจสหรัฐสามารถลงจอดแบบนุ่มนวล และค่าเงินเยนยังคงแข็งค่าอยู่ในระดับ 140 เยนต่อดอลลาร์ได้ ตลาดก็จะคาดหวังว่าบริษัทต่างๆ จะสามารถปรับเพิ่มประมาณการกำไรได้อีกครั้งในอนาคต
อ้างอิง Nikkei