‘ดิจิทัลวอลเล็ต‘ ชะงัก สะเทือนหุ้นค้าปลีก

‘ดิจิทัลวอลเล็ต‘ ชะงัก สะเทือนหุ้นค้าปลีก

ภาวะสุญญากาศทางการเมืองทำให้ทั้งประชาชน และนักลงทุนในตลาดหุ้นไทยฝันค้าง แม้โครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาทได้เริ่มลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐไปแล้วตั้งแต่ 1 ส.ค.67 ที่ผ่านมา

ทว่าการมีขั้นตอนที่ไม่ผ่านกระบวนการอนุมัติ ส่งผลให้โครงการบางส่วนสะดุด จนกว่าจะได้คณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้ามาสานต่อ หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 5 ต่อ 4 ให้นายเศรษฐา ทวีสิน และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดปัจจุบันพ้นตำแหน่งทั้งคณะไปแล้ว ซึ่งรักษาการมิอาจทำหน้าที่แทนได้ แม้จะมีคำยืนยันจาก นายภูมิธรรม เวชยชัย ฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรีว่า การทำงานต่างๆ ไม่สะดุด

แต่ขั้นตอนจะต้องเริ่มภายหลังจากได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ และจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ อีกทั้งนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตจะต้องถูกหารือใหม่ในพรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาลอีกทีด้วย

ด้านตลาดหุ้นไทยเมื่อวันที่ 14 ส.ค.67 ปรับลดลงทันทีกว่า 15 จุด หลังมีคำตัดสินถอดถอนนายกรัฐมนตรี ซึ่งหุ้นในกลุ่มค้าปลีกรายใหญ่ๆ รวมถึงหุ้นอุปโภคบริโภคก็ปรับลงแรงในทิศทางเดียวกันสะท้อนความผิดหวังที่เกิดจากความไม่แน่นอนของนโยบาย

‘ดิจิทัลวอลเล็ต‘ ชะงัก สะเทือนหุ้นค้าปลีก

ก่อนหน้านี้ บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส ระบุว่าดิจิทัลวอลเล็ตที่ออกมานั้น รัฐบาลคาดจะกระตุ้น เศรษฐกิจได้ราว 1.2-1.6% ของ GDP ทั้งปี โดยคาดหุ้นที่ได้ ประโยชน์ คือ หุ้นกลุ่มอาหาร-ค้าปลีก ค้าส่ง อาทิ บริษัท คาราบาว กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (CBG) , บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (ICHI) , บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) (OSP) , บริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (TFG) , บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) (BTG) , บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) (CPAXT) , บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) (BJC) เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดบทวิเคราะห์ มองประเด็นการเมืองที่เกิดขึ้นทำให้ เกิดความกังวลว่า นโยบายต่างๆ ที่เตรียมกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะถัดไป จะสามารถขับเคลื่อนออกมาได้หรือไม่

ฝ่ายวิจัยประเมินว่า โครงสร้างพรรคร่วมรัฐบาลที่ไม่เปลี่ยนแปลงมี 312 เสียงโดยที่มีพรรคเพื่อไทย เป็นพรรคหลักที่มีจำนวน สส. มากที่สุดที่ 141 เสียง ตามด้วยพรรคภูมิใจไทย 71 เสียง จึงเชื่อว่า นโยบายต่างๆ น่าจะถูกขับเคลื่อนออกมาได้ อาทิ นโยบายหลักอย่าง ดิจิทัลวอลเล็ต ที่มีความคืบหน้าไประดับหนึ่งแล้ว หลังรัฐสภาอนุมัติงบประมาณเพิ่มเติม 1.22 แสนล้านบาท และเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนในแอฟ “ทางรัฐ” แล้ว รวมถึงนโยบายอื่นๆ ของพรรคเพื่อไทยที่คาดดำเนินการต่อได้

นโยบายต่างๆ อาจจะต้องใช้เวลาดำเนินการมากขึ้น เนื่องจากจะมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีใหม่ และ ตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ซึ่งเร็วสุดภายในเดือนส.ค.67

บล.บัวหลวง ระบุว่า การที่วานหุ้นไทยปรับลงทันที โดยเฉพาะหุ้นเชื่อมโยงการบริโภคในประเทศ เพราะกังวลเงินดิจิทัลสะดุด นโยบายบางอย่างซึ่งอาจเปลี่ยนแปลง เช่น วงเงินดำเนินโครงการ ดิจิทัลวอลเล็ต, งบประมาณปี 68 อาจล่าช้า ถ้ามีการทบทวนงบประมาณใหม่ ตามแนวทางดำเนินงานของ ครม.ใหม่ (คาดล่าช้าประมาณ 2-3 เดือน ระหว่างนี้ก็ใช้ปี 67 กับงบกลางไปก่อน)    

ด้าน นายเบญจพล สุทธิ์วนิช ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ระบุว่า ระยะสั้นหุ้นที่เกี่ยวข้องและเคยปรับขึ้นจากความคาดหวังเงิน 1 หมื่นบาทดิจิทัลวอลเล็ต กำลังปรับตัวลง และมีภาพเป็นเชิงลบ หลังมีความชัดเจนแล้วว่าการแจกเงินต้องชะลอออกไปแน่นอน

สิ่งที่ต้องติดตามต่อไปคือ พรรคเพื่อไทยจะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่หรือไม่ และหากนโยบายโดนเปลี่ยนแปลงเงื่อนไข ก็ย่อมจะกระทบกับหุ้นที่เกี่ยวข้องได้อีก

และในกรณีเลวร้ายหุ้นเกี่ยวข้องได้แก่ กลุ่มค้าปลีกราย กลุ่มอุปโภคบริโภค อาจต้องถูกหั่นประมาณการกำไรกำไรต่อหุ้น (EPS) ลง

เพียงแต่ในขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินได้อย่างชัดเจนว่าผลลบจะมากหรือน้อยเพียงใด เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่แน่นอน ดังนั้นจึงแนะนำนักลงทุนให้เลือกลงทุนหุ้นด้วยความระมัดระวังต่อไป

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์   ศิลาวงษ์