โหวตนายกฯผ่านดันหุ้นไทย โบรกลุ้น ‘อุ๊งอิ๊ง’ โอกาสูงนั่งเก้าอี้นายกฯ คนใหม่
ลุ้นโหวต “แพทองธาร” นายกฯ คนใหม่วันนี้ โบรกฯ ประสานเสียงโอกาส “โหวตผ่านสูง” บล.เอเซียพลัส มองสุญญากาศการเมืองสั้นลง หนุนดัชนีฯ กลับมาแนวต้าน1,310 จุด ยังระวังหากผิดคาด “โหวตไม่ผ่าน” จุดอันตราย “บล.ยูโอบี เคย์เฮียน -บล.กสิกรไทย” ย้ำการเมืองต้องรีบกลับมามีเสถียรภาพ
วานนี้ (15 ส.ค.) "ตลาดหุ้นไทย"ดัชนีปิดที่ 1,289.84 จุด ปรับตัวลง 2.85 จุด หรือ 0.22% มูลค่าการซื้อขาย รวมทั้งสิ้น 41,309.39 ล้านบาท เป็นนักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 1,291.79 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 515.09 ล้านบาท ขณะที่บัญชีหลักทรัพย์ (บล.) ซื้อสุทธิ 686.70 ล้านบาท และนักลงทุนในประเทศ ซื้อสุทธิ 1,120.78 ล้านบาท ด้านตราสารหนี้ ต่างชาติ ขายสุทธิ 8,832 ล้านบาท เป็นการขายตราสารหนี้ระยะสั้น 12,407 ล้านบาท และซื้อตราสารหนี้ระยะยาว 3,575 ล้านบาท
ทั้งนี้ "ตลาดหุ้นไทย"ปรับตัวลง รับแรงกดดันจากประเด็นการเมือง ภายหลังจากที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย สรุปผลการเสนอชื่อ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย แคนดิแดตนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งที่ประชุมสภาฯ จะโหวตเลือกกันในวันนี้ (16 ส.ค.) เวลา 10.00 น.
ขณะที่ ปัจจุบันพรรคร่วมรัฐบาล อาทิ ภูมิใจไทย และรวมไทยสร้างชาติ แสดงท่าทีสนับสนุนแคนดิเดต จากพรรคเพื่อไทย ทำให้เสียงสนับสนุนใกล้เพียงพอแล้ว
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า ด้วยพรรคร่วมรัฐบาล แสดงท่าทีสนับสนุนแคนดิเดต จากพรรคเพื่อไทย พอสมควรมองว่า โอกาส “โหวตผ่าน” มีข้อสรุปนายกฯ ใหม่ได้ หลังจากนั้นน่าจะแต่งตั้ง ครม. ชุดใหม่ ทันที
โดยทำให้จุดที่เป็นสุญญากาศการเมืองน่าจะสั้นลงไป ทำให้ประเด็นความกังวลและผลกระทบต่อนโยบายหลักต่างๆ ของรัฐบาลชุดก่อนที่ว่างไว้เดินหน้าต่อได้ มีผลกระทบจำกัด ซึ่งมองเป็นบวกต่อตลาดหุ้นไทยวันนี้ คาดดัชนีหุ้นไทยกลับมาที่แนวต้านที่ระดับ 1,300-1,310 จุดได้ และจำกัดดาวไซด์ กรณี “โหวตไม่ผ่าน” สะท้อนท่าทีของพรรคร่วมรัฐบาลจะมีปัญหากับพรรครัฐบาลเพื่อไทย หรือไม่ นับเป็นเรื่องใหญ่ที่จะส่งผลกระทบในวงกว้าง
“เรามองว่าโอกาสสูงที่จะโหวตนายกฯ ใหม่ผ่าน เป็นบวกต่อ ตลาดหุ้นไทย และจำกัดดาวไซด์ แต่ดัชนีฯ คงยังไม่เป็นเทรนด์ขาขึ้นทันที เพราะหลังจากนั้นยังต้องติดตาม นายกฯ และครม.ชุดใหม่ สามารถสานต่อนโยบายหลักต่างๆ ของรัฐบาลชุดเดิม เช่น ดิจิทัลวอลเล็ต และกองทุนวายุภักษ์ 1 ให้ชัดเจนก่อน แนะลงทุนหุ้นกลุ่มได้ประโยชน์จาก ESG เป็นหลัก”
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล. ยูโอบี เคย์เฮียน กล่าวว่า แคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทย โหวตผ่าน มีโอกาสสูงมากขึ้น เพราะว่า นางสาวแพทองธาร หัวหน้าพรรคเพื่อไทยถือเป็นบุคคลสำคัญในเวลานี้ เป็นการส่งสัญญาณไปยังพรรคร่วมรัฐบาล สยบข่าวลือการสลับขั้วทางการเมืองเป็นพรรคภูมิใจไทย และผลักดันนโยบายสำคัญของรัฐบาลชุดก่อน อย่างดิจิทัลวอลเล็ตกลับมาเดินหน้าต่อได้ จะทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้น ตลาดหุ้นไทยน่าจะขานรับนายกฯ ใหม่ ดัชนีฯ บวกได้ราว 10 จุด หรือระหว่างวันรอความชัดเจน ผันผวนบวกลบ 10 จุด
ทั้งนี้ ทิศทางแนวโน้มหุ้นไทยปรับขึ้นได้ต่อ ยังต้องรอความครม.ชุดใหม่ แถลงนโยบายต่างๆ โดยเฉพาะดิจิทัลวอลเล็ต จะยังเดินหน้าต่อหรือไม่ ถึงจะเป็นการยืนยันความชัดเจนได้ คาดว่า หลังได้นายกฯ คนใหม่ จากนั้นจะใช้เวลา 3-4 สัปดาห์ จัดตั้งครม. ชุดใหม่มองดัชนีฯ ผันผวนในกรอบแนวรับ 1,270-1,292 จุด และแนวต้าน 1,300 จุด
“กรณีนายกฯคนใหม่ มาจากพรรคเพื่อไทย ตลาดทุนมองบวก และเชื่อมั่นมากกว่าเพราะนโยบายสำคัญฯของรัฐบาลยังเดินหน้าต่อ แต่กรณีที่โหวต “ไม่ผ่าน” และนายกฯ คนใหม่มาจากพรรคอื่นๆ อาจสะท้อนได้ว่าการเดินหน้า ดิจิทัลวอลเล็ต อาจเป็นไปได้น้อยลงในทางอ้อม แต่ไม่น่าหลุดระดับแนวรับ 1,250 จุด เพราะยังมีปัจจัยบวก 12 เดือนข้างหน้า PE 13-15 เท่า กำไรบจ. คาดปรับตัวดีขึ้น Forward P/E ที่ดับ 94-95 บาทต่อหุ้น และคาดเกิน 100 บาทต่อหุ้นปีหน้า”
นอกจากนี้ มองตลาดทุนไม่ต้องการมาตรการพิเศษ อะไรเพิ่มเติม ขอแค่การเมืองไทยมีเสถียรภาพ ทำให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ มีความเชื่อมั่นกลับมา จากปัจจุบันเป็นความเสี่ยงเพิ่มเติมในขณะที่ปัจจัยพื้นฐานอื่นๆ แม้ยังไม่มีดิจิทัลวอลเล็ต ตอนนี้แนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ทั้งเศรษฐกิจไทยและกำไรบจ.
หากการเมืองไทยกลับมามีเสถียรภาพ เดินหน้านโยบายรัฐบาลต่อได้ ทั้งกองทุน TESG ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เบิกจ่ายงบ ดิจิทัลวอลเล็ต และกองทุนวายุภักษ์ 1 จะยิ่งช่วยสร้างเป็นแต้มต่อในช่วงเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัว ที่ยังไม่ชัดเจนว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก และไทยมากน้อยแค่ไหน
นายรัฐศักดิ์ พิริยะอนนท์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า เชื่อหากสภาฯ สามารถโหวตเลือกนายกฯ คนใหม่ได้เร็ว และยังคงมาจากพรรคเพื่อไทย เชื่อผลกระทบเชิงลบของความไม่แน่นอนทางการเมืองต่อเศรษฐกิจ และการลงทุนจะจำกัด เนื่องจากนโยบายและมาตรการต่างๆ จะยังมีความต่อเนื่อง การปรับตัวลงของดัชนีและหุ้นอาจเป็นการปรับลงระยะสั้นและฟื้นตัวกลับได้เร็ว หากเป็นกรณีนี้มองดัชนีไม่หลุดกรอบแนวรับเดิม 1,280 จุด และคาดจะเด้งฟื้นกลับไปเทรดเหนือระดับ 1,300-1,330 จุดได้
แต่หากใช้เวลาเปลี่ยนผ่านนายกฯนานหรือมาจากพรรคอื่น ตลาดอาจมีความกังวลถึงนโยบายต่างๆที่อาจเปลี่ยนแปลงไปหรือต้องใช้เวลาในการพิจารณาใหม่ โดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและโครงการดิจิทัลวอลเล็ต กลยุทธ์การลงทุนอาจต้องเน้นหุ้นตั้งรับ ดัชนีมีโอกาสหลุดแนวรับเดิมที่ 1,280 จุด โดยประเมินแนวรับถัดไปที่บริเวณ 1,250 และ 1,230 จุด ตามลำดับ