เปิดหุ้นแววกำไรดีไตรมาส 3 อาหาร-นิคม-ไอซีที-ขนส่ง-ค้าปลีก-รพ.

เปิดหุ้นแววกำไรดีไตรมาส 3 อาหาร-นิคม-ไอซีที-ขนส่ง-ค้าปลีก-รพ.

หุ้นหลายกลุ่มมีทิศทางทำผลงานได้ดีขึ้นในไตรมาส 3/67 โดย 5 บริษัทที่มีโอกาสปรับประมาณกำไรขึ้นได้แก่ CPAXT - CPALL - WHA - BH - CBG

พ้นจากช่วงประกาศงบการเงินไตรมาสสองของบริษัทจดทะเบียนต่างๆ มากว่าสัปดาห์แล้ว ซึ่งผลการดำเนินงานของบริษัทในตลาดหุ้นไทยส่วนใหญ่ยังแข็งแรงพอสร้างผลกำไรได้ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจที่หลายคนบ่นว่า"แย่"

ตัวเลขกำไรไตรมาส 2/2567 ที่ประกาศออกมามีทั้งดีกว่าคาดและอ่อนด้อยกว่าคาดในมุมมองนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ อีกทั้งมีหุ้นหลายกลุ่มมีทิศทางทำผลงานได้ดีขึ้นในไตรมาสถัดไป หลายตัวที่ผลงานมีโอกาสดีขึ้นต่อเนื่องส่งผลให้จะต้องปรับประมาณการกำไรขึ้นได้อีกในอนาคต
 

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟินันเซีย ไซรัส วิเคราะห์ว่า ภาพรวมผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไทยไตรมาส 2/2567 โดยรวมทำได้เกินกว่าคาดเล็กน้อย โดย 160 บริษัทที่ฝ่ายวิเคราะห์ทำการศึกษารายงานกำไรปกติดีกว่าประมาณการเล็กน้อยเช่นกัน และกำไรปกติครึ่งแรกปี 2567 คิดเป็น 50% ของประมาณการกำไรสุทธิทั้งปี 2567 ซึ่งกลุ่มธุรกิจอาหาร กลุ่มพลังงาน กลุ่มไอซีที และค้าปลีก ต่างมีผลประกอบการดี

ขณะที่กลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับต่างประเทศไม่ค่อยดีนัก มีโอกาสเห็นการปรับลดประมาณการกำไรต่อหุ้น (EPS) ปี 2567 ของ SET ลง 2% มาอยู่ที่ 89.30 บาท จากประมาณการ EPS ปีนี้เดิมที่ 90.00-91.00 บาท
 

ด้าน บล. เอเซีย พลัส รวบรวมกำไรบริษัทจดทะเบียนงวดไตรมาส 2/2567 ประกาศออกมาแล้ว 679 บริษัท มีกำไรทั้งสิ้น 2.61 แสนล้านบาท (IVL กำไรไตรมาส 2/2567 ติดลบ 2.3 หมื่นล้านบาท) ลดลง 3.1% จากไตรมาส 1/2567 แต่เติบโต 16.2% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และดีกว่าตลาดคาดสูงถึง 12.4% ซึ่งจะทำให้กำไรช่วงครึ่งปีแรก อยู่ระดับ 5.3 แสนล้านบาท

ประมาณการกำไรทั้งปี 2567 ของฝ่ายวิจัยอยู่ระดับ 1.12 ล้านล้านบาท จึงทำให้กำไรช่วงครึ่งปีหลัง 2567 มีโอกาสโตถึง 27% อยู่ระดับ 5.9 แสนล้านบาท

ส่วน บล. บัวหลวง เปิดเผยว่า ภาพรวมกำไรครึ่งปีแรก 2567 ที่ออกมา คิดเป็นแค่ 51% ของทั้งปี ถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีช่วงก่อน Covid-19 ที่ 54% สะท้อน Downside ของกำไร

โดยสัดส่วนกำไรที่ออกมาน้อยกว่าค่าเฉลี่ย ส่วนใหญ่มาจากกลุ่มที่โดนปรับลดประมาณการกำไรอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ ปิโตรเคมี, สื่อ, รับเหมาก่อสร้าง และวัสดุก่อสร้าง ในขณะที่กลุ่มที่ปรับขึ้น ได้แก่ กลุ่มอาหาร และไอซีที กลุ่มที่ยังเห็นการปรับกำไรลงต่อ เช่น กลุ่มปิโตรเคมี วัสดุก่อสร้าง

พร้อมปรับลด SET Index Target ปลายปีเหลือ 1,394 จุด (จาก 1,466 จุด) ปรับ EPS ลงเหลือ 89 บาท (จาก 92 บาท) เติบโตราว 16% (ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 91.8) อิง P/E Ratio ที่ 15.7 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว 0.5SD สะท้อนความเสี่ยงเศรษฐกิจช่วง Late Cycle

ส่วนแนวโน้มกำไรไตรมาส 3/2567 ภาพรวมน่าจะยังเติบโตต่อได้ 3% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อนและ 5% เทียบไตรมาสก่อนหน้า (ค่อนข้างทรงตัว) มาจากราคาเนื้อสัตว์ทั้งในและต่างประเทศ, ฐานต่ำสำหรับกลุ่มปิโตรเคมี และวัสดุก่อสร้าง, Traffic ที่เพิ่มขึ้นทั้ง Air และ Ground, รวมถึงการบริโภคภายในประเทศ

กลุ่มที่คาดไตรมาส 3/2567 จะยังโตดีเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) หลักๆ ได้แก่ กลุ่มเนื้อสัตว์ (ราคาเนื้อสัตว์หมูไก่ QTD เพิ่มขึ้นทั้ง YoY และเทียบกับไตรมาส 2/2567 โดยเฉพาะหมูจีน หมูเวียดนาม) และกลุ่มอาหารสัตว์ (อุปสงค์ยังดี), กลุ่มนิคม (ราคาที่ดินสูงกว่าปีที่แล้ว 10-20% แม้ยอดโอนที่ดินทรงตัว), กลุ่มไอซีที (ARPU ยังเพิ่มต่อ) , กลุ่มขนส่ง (Traffic ที่เพิ่มขึ้น), กลุ่มค้าปลีก (SSSG ยังบวกสำหรับสินค้าจำเป็น และกลุ่มสินค้าไอที กลับมาจาก Replacement demand ของ AI smartphone), กลุ่มโรงพยาบาล (ที่รับผู้ป่วยต่างชาติ)

กลุ่มที่คาดไตรมาส 3/2567 จะยังอ่อนแอ และ/หรือมี Downside ได้แก่ กลุ่มปิโตรเคมี, อสังหาริมทรัพย์, ยานยนต์ (Demand ยังอ่อนแอ) และกลุ่มการเงิน (ยังมีส่วนที่กังวลความเสี่ยงคุณภาพสินทรัพย์/หนี้เสีย)

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำเลือกหุ้นเล่นเป็นรายตัว โฟกัสไปข้างหน้าเน้นไปที่แนวโน้มผลการดำเนินงานที่จะมีโอกาสถูกปรับเพิ่มประมาณการ หรือ มองเห็นปัจจัยหนุนชัดเจนที่จะเข้ามาเกื้อหนุนต่อผลการดำเนินงานหลังจากนี้

อีกทั้งมอง 5 บริษัท ที่มีโอกาสปรับประมาณกำไรขึ้นได้แก่

CPAXT กับ CPALL ซึ่งได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นบริโภคภาครัฐบาลไม่ว่าจะออกมาเป็นรูปแบบไหน

WHA ราคาที่ดินเติบโต 10-20%เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน คาดสนับสนุนกำไรต่อเนื่อง, มีโอกาสปรับเพิ่มกำไรขึ้นอีก 10-15% จากดีลที่อาจจะปิดได้ในไตรมาส 3/2567

BH มี Upside จากผู้ป่วยต่างชาติ โดยเฉพาะคูเวต อีกทั้งกำไรครึ่งปีหลังถือเป็น High season

CBG ส่วนแบ่งการตลาด (Market share) ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
เปิดหุ้นแววกำไรดีไตรมาส 3 อาหาร-นิคม-ไอซีที-ขนส่ง-ค้าปลีก-รพ.