คลัง - ก.ล.ต.- ตลท.- ปปง. ผนึกฟื้นเชื่อมั่นตลาดทุนไทย หวังดัชนีฯ แตะ 1,800 จุด

คลัง - ก.ล.ต.- ตลท.- ปปง. ผนึกฟื้นเชื่อมั่นตลาดทุนไทย หวังดัชนีฯ แตะ 1,800 จุด

กระทรวงการคลัง พร้อมด้วย ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ ผนึกความร่วมมือ ปปง. ยกระดับการป้องปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ นำผู้กระทำผิดมารับโทษเร็วขึ้น “รมว.คลัง” ย้ำความเชื่อมั่นฟื้น หลังมาตรการต่างๆ เห็นผล ดัชนีฯ เริ่มไต่ขึ้นหวังกลับไปยืน 1,800 จุด

กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOU) กับ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ( ปปง.) ยกระดับความร่วมมือในการป้องปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ อันเป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน

เพื่อตัดวงจรการประกอบอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะความผิดเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ และเพื่อสนับสนุนให้การดำเนินการบังคับใช้กฎหมายและการทำงานร่วมกันของแต่ละหน่วยงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อันจะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นต่อตลาดทุนไทยให้แก่ผู้ลงทุน 

 

คลัง - ก.ล.ต.- ตลท.- ปปง. ผนึกฟื้นเชื่อมั่นตลาดทุนไทย หวังดัชนีฯ แตะ 1,800 จุด

สำหรับพิธีลงนามบันทึกความตกลงว่าด้วยการประสานความร่วมมือระหว่าง 3 หน่วยงานในครั้งนี้ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ให้เกียรติมาเป็นประธานสักขีพยานในพิธีลงนามดังกล่าว ณ อาคารตลาดหลักทรัพย์ฯ 

นายพิชัย เปิดเผยว่า  กระทรงการคลัง ยังคงเดินหน้าสนับสนุน และส่งเสริมฟื้นความเชื่อมั่นของตลาดทุนไทยอย่างต่อเนื่อง โดยร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุน ทั้งสำนักงาน  ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ ร่วมประสานงานกับสำนักงาน ปปง. เพื่อทำให้กระบวนการทำงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดในตลาดทุนเกิดความรวดเร็ว เพื่อไม่สร้างความเสียหายให้เกิดแก่ผู้ลงทุน และกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนในตลาดทุนไทย

เรามองว่า การที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นมา นอกเหนือจากความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจไทย และมาตรการต่างๆ แล้วนั้น ยังมาจากความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนในการที่หน่วยงานต่างๆ ร่วมมือกันในการตรวจสอบ และเร่งดำเนินการกับผู้กระทำความผิดสามารถเห็นผลออกมาอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวกลับมา ซึ่งกระทรวงการคลังมีความคาดหวังว่าหลังจากนี้ จะเห็นทิศทางของตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ต่อ


การที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นในช่วงที่ผ่านมา นับว่า เป็นหนึ่งตัวช่วยในการเสริมสร้างความมั่งคั่งให้กับคนไทยได้ โดยเฉพาะนักลงทุนไทยที่ลงทุนในตลาดหุ้นไทย มีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้น เนื่องจากดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับเพิ่มขึ้นทุก ๆ 100 จุด จะทำให้ความมั่งคั่งที่คิดมาจากมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap) เพิ่มขึ้น 1.2 ล้านล้านบาท

รมว.คลัง มองว่า ปัจจุบันดัชนีฯ ที่ระดับ 1,300 จุด แม้ว่าจะลดลงค่อนข้างมากจากระดับสูงสุดเดิม และทำให้ความมั่งคั่งของนักลงทุนลดลง แต่กระทรวงการคลังคาดหวังจะเห็นดัชนีฯ กลับขึ้นไปยืนที่ระดับ 1,800 จุด ซึ่งมี Market Cap อยู่ที่กว่า 20 ล้านล้านบาท ทำให้นักลงทุนที่ลงทุนในตลาดหุ้นไทยกลับมามีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้น


“สถานการณ์ตอนนี้เริ่มนิ่ง  และมีมาตรการต่างๆ ทยอยออกมาฟื้นความเชื่อมั่นนักลงทุนในตลาดหุ้นไทย ทำให้ตลาดหุ้นไทยเริ่มกลับมาฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง  จุดนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นกลับมาด้วย” 

  • คาดเสนอขายกองทุนวายุภักษ์ไม่เกิน ต.ค.นี้

ส่วนความคืบหน้าของการเสนอขายกองทุนวายุภักษ์นั้น นายพิชัย กล่าวว่า กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อม และมีการสำรวจความต้องการของกลุ่มต่างๆ ซึ่งได้มีการพูดคุยกับสถาบันการเงิน ธนาคารพาณิชย์ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำมาพิจารณาในรูปแบบการเสนอขายให้เหมาะสม โดยคาดว่าจะเสนอขายกองทุนวายุภักษ์ได้ในช่วงปลายเดือนก.ย. หรือต้นเดือนต.ค.นี้

  • มองน้ำท่วมยังไม่รุนแรง จนฉุดเศรษฐกิจไทย 

สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้น รมว.คลัง กล่าวว่า ยังไม่กังวลว่าจะเป็นปัจจัยกระทบต่อเศรษฐกิจไทยมาก เนื่องจากสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นยังไม่รุนแรงเหมือนกับน้ำท่วมเมื่อปี 2554 และไม่ได้ขยายวงกว้างไปยังพื้นที่เศรษฐกิจหลัก และมั่นใจว่ารัฐบาลจะสามารถบริหารจัดการได้ รวมถึงกระทรวงการคลัง ก็เตรียมหารือกับธนาคารของรัฐในการออกแพ็กเกจช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ตลอดจนการบรรเทาผลกระทบ หลังจากสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลายลง

  • มองเงินบาทแข็งค่าขึ้นแต่ยังไม่กระทบส่งออก

นอกจากนี้กรณีเงินบาทที่กลับมาแข็งค่าขึ้นมากกว่าคาดนั้น รมว.คลัง มองว่า เงินบาทแข็งค่าขึ้นไปมากแต่ก็ยังเป็นไปตามภาวะตลาดการเงินโลกที่เปลี่ยนแปลงไป เป็นเรื่องปกติที่ค่าเงินบาทจะแข็งค่าและอ่อนค่าตามปัจจัยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในโลก ขณะนี้มองว่ายังไม่มีผลกระทบต่อภาคการส่งออกแต่อย่างใด ปัจจุบันทั้งด้านปริมาณและราคาสินค้าส่งออกยังอยู่ในระดับที่ดีต่อเนื่อง 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์