‘อเล็กซ์ บลาเนีย’ ซีอีโอ Tools for Humanity ผู้นำเทคโนโลยี World สู่เมืองไทย

คุยกับ ‘อเล็กซ์ บลาเนีย’ ซีอีโอ Tools for Humanity หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งโปรเจ็ก World’s Proof of Human ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อพิสูจน์ความเป็นมนุษย์ออกจากบอตและดีปเฟค
การจำแนกระหว่างมนุษย์จริงกับบอตหรือโปรแกรมสร้างตัวตนปลอมได้กลายเป็นความจำเป็นในยุคที่เอไอกำลังได้รับความนิยม “อเล็กซ์ บลาเนีย” ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Tools for Humanity บริษัทเทคโนโลยีที่พัฒนาเครื่องมือต่างๆ ให้กับ World Network ผู้มีภูมิหลังเป็นนักฟิสิกส์ทฤษฎีผู้เชี่ยวชาญด้านเอไอ ได้ร่วมมือกับ แซม อัลท์แมน ผู้ก่อตั้ง OpenAI และ แม็กซ์ โนเวนด์สเทิร์น ในการพัฒนาเทคโนโลยีที่เรียกว่า “World’s Proof of Human” ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อพิสูจน์ความเป็นมนุษย์
กรุงเทพธุรกิจ สัมภาษณ์พิเศษอเล็กซ์ ระหว่างการเยือนประเทศไทยเป็นครั้งที่สี่ของเขา เพื่อเปิดเผยวิสัยทัศน์และความเป็นมาของเทคโนโลยีที่กำลังถูกพูดถึงทั่วโลกนี้
เทคโนโลยีพิสูจน์ความเป็นมนุษย์ในยุคเอไอครองโลก
เมื่อถามถึงแนวคิดของโปรเจ็ก World และที่มาที่ไป อเล็กซ์อธิบายว่า World ID เป็นระบบที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อพิสูจน์ความเป็นมนุษย์ในโลกดิจิทัล และยังได้ยกตัวอย่างคำพูดของอีลอน มักส์ ซีอีโอเทสลาเจ้าของแพลตฟอร์ม X (Twitter เดิม) ว่า มัสก์ได้กล่าวถึงปัญหาจากบอตบน X บ่อยครั้ง นอกจากนี้ เมื่อเอไอถูกใช้ในชีวิตประจำวันมากขึ้นก็มีการระบาดของ Deepfake ที่สามารถสร้างเนื้อหาปลอมที่เหมือนจริงได้มากขึ้น
ดังนั้น อเล็กซ์จึงเชื่อว่าเราจำเป็นต้องมีระบบพิสูจน์ความเป็นมนุษย์สำหรับบริการออนไลน์ต่างๆ ที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็น เครือข่ายสังคมออนไลน์ แพลตฟอร์มหาคู่ ตลอดจนเกมออนไลน์ ซึ่งแนวคิดนี้มีเป้าหมายเพื่อแยกแยะระหว่างผู้ใช้ที่เป็นมนุษย์จริงกับระบบอัตโนมัติหรือบอต ซึ่งอาจช่วยลดปัญหาต่างๆ เช่น การแพร่กระจายของข้อมูลเท็จ การสร้างบัญชีปลอม และการโจมตีทางไซเบอร์รูปแบบต่างๆ ที่อาศัยการปลอมแปลงตัวตน
World ID ทำงานอย่างไร?
อเล็กซ์อธิบายกลไกการทำงานของ World ID ว่าผู้ใช้งานต้องไปยืนยันความเป็นมนุษย์กับอุปกรณ์ทางกายภาพที่เรียกว่า ORB ซึ่งเป็นอุปกรณ์ถ่ายภาพม่านตาพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อยืนยันความเป็นมนุษย์โดยเฉพาะ
อุปกรณ์นี้จะวางตามจุดบริการต่างๆ เช่น ร้านสะดวกซื้อหรือสถานีรถไฟ โดยผู้ใช้ต้องดาวน์โหลดแอป World และยืนยัน World ID ด้วยการถ่ายภาพม่านตาผ่าน ORB จากนั้นสามารถใช้งานบนแพลตฟอร์มต่างๆ ได้โดยการสแกนคิวอาร์โค้ด
“สิ่งที่น่าสนใจคือ เทคโนโลยีทั้งหมดเป็นแบบไม่ระบุตัวตนและรักษาความเป็นส่วนตัวอย่างเต็มที่ คุณไม่จำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับตัวคุณนอกจากว่าคุณเป็นมนุษย์จริงๆ ที่กำลังใช้แพลตฟอร์มอยู่”
สำหรับผู้ที่สนใจทดลองใช้เทคโนโลยี World's Proof of Human ในประเทศไทย สามารถไปรับบริการได้ใน 3 จุดทั่วกรุงเทพ ได้แก่
- World Flagship ที่ชั้น 1 ศูนย์การค้า EmSphere
- ศูนย์บริการ NT แจ้งวัฒนะ
- ศูนย์บริการ NT ปทุมวัน
ทั้งนี้ ถือเป็นเฟสแรกของการเปิดให้บริการในประเทศไทย โดยบริษัทมีแผนจะขยายจุดให้บริการเพิ่มเติมในอนาคตอันใกล้
จากนักฟิสิกส์ทฤษฎีสู่ซีอีโอสตาร์ตอัประดับโลก
สำหรับจุดเริ่มต้นการทำงานกับ แซม อัลท์แมน ผู้ก่อตั้ง OpenAI อเล็กอธิบายว่า “ก่อนหน้านี้ผมเป็นนักวิทยาศาสตร์ ทำงานด้านฟิสิกส์ทฤษฎี และภายในฟิสิกส์ทฤษฎี ผมทำงานเกี่ยวกับเอไอ แซมได้ก่อตั้งบริษัทแล้ว และติดต่อผมว่า ‘อเล็กซ์ คุณอยากมาสัมภาษณ์งานกับผมไหม?’ ผมจึงไปสัมภาษณ์งานครั้งแรกกับเขา จากนั้นเราก็กลายเป็นเพื่อนกันอย่างรวดเร็ว ผมกลายเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง และต่อมาก็เป็นซีอีโอ มันเป็นการเปลี่ยนผ่านจากนักวิทยาศาสตร์สู่ซีอีโอทันทีหลังจบมหาวิทยาลัย”
เมื่อย้อนกลับไปดูวิสัยทัศน์เมื่อ 5 ปีก่อน อเล็กซ์เล่าว่า ตอนนั้นแนวคิดเรื่องปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถพูดคุยได้หรือสร้างวิดีโอได้นั้นดูเหมือนจะเป็นเรื่องไกลตัวมาก แต่แซมมีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นจริง
แซมมองการณ์ไกลว่าความก้าวหน้าของเอไอจะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในสังคม และเราจำเป็นต้องมีเทคโนโลยีระดับโลกเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ภารกิจของพวกเขาคือ การสร้างเทคโนโลยีที่จะมีความสำคัญในยุคของเอไอที่มีพลังมากขึ้นเรื่อยๆ และอเล็กซ์เชื่อว่าแซมมองถูกทั้งในแง่ของวิสัยทัศน์และกรอบเวลาที่สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้น
ระบบ Mini Apps ของ World คืออะไร?
อเล็กซ์อธิบายว่า ระบบ Mini Apps เป็นเหมือนพื้นที่พิเศษที่ World สร้างขึ้นให้คนที่มีความคิดสร้างสรรค์ (นักพัฒนาและผู้ประกอบการ) สามารถสร้างแอปเล็กๆ ที่ทำงานได้ทันทีภายในแอป World โดยไม่ต้องให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดแอปแยกต่างหาก
ปัญหาที่หลายแพลตฟอร์มใหม่ๆ มักเจอคือ “Cold start problem” หมายถึงตอนเริ่มต้นมักไม่มีคนใช้งานมากพอ ทำให้นักพัฒนาไม่อยากสร้างบริการบนแพลตฟอร์มนั้น เพราะกลัวว่าจะไม่มีคนใช้ แต่ถ้าไม่มีบริการดีๆ ก็จะไม่มีคนอยากใช้แพลตฟอร์ม เป็นวงจรที่แก้ยาก
World แก้ปัญหานี้โดยการสร้างระบบที่ทำให้นักพัฒนาสามารถสร้างแอปขนาดเล็ก (Mini Apps) ได้ง่ายๆ และนำไปวางบน App Store ในแอป World ได้ทันที ทำให้นักพัฒนาเข้าถึงผู้ใช้งานได้ตั้งแต่วันแรก
สำหรับประเทศไทยที่มีนักพัฒนาและผู้ประกอบการที่มีความสามารถมากมาย ระบบนี้จะช่วยให้พวกเขาสามารถนำเสนอไอเดียและบริการใหม่ๆ สู่ผู้ใช้จำนวนมากได้ทันที โดยไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีคนใช้งานในช่วงเริ่มต้น
มุมมองต่อศักยภาพด้านเอไอของไทย
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านเอไอและประสบการณ์การเดินทางไปทั่วโลกเพื่อขยายธุรกิจ World อเล็กซ์มองว่า ประเทศไทยมีศักยภาพที่โดดเด่นในด้านเทคโนโลยีเอไอโดยเฉพาะเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคเอเชีย โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการรักษาตำแหน่งผู้นำนี้ไว้ และส่งเสริมให้ทั้งภาคธุรกิจและแรงงานทั่วไปในประเทศไทยผสานเทคโนโลยีเอไอเข้ากับการทำงานและชีวิตประจำวัน
อเล็กซ์ยังพูดถึงความจำเป็นของกำลังคอมพิวเตอร์และพลังงานที่มากขึ้น เขาเห็นว่าไทยกำลังพยายามสร้างคลัสเตอร์คอมพิวเตอร์ในประเทศและเพิ่มกำลังผลิตพลังงาน ซึ่งเขามองว่านี่อาจเป็นอีกทางที่จะทำให้ไทยเป็นผู้นำทั้งด้านคอมพิวเตอร์และพลังงานในยุคที่เอไอมีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ
แผนการทำงานร่วมกับภาคเอกชนไทย
อเล็กซ์และทีมมีความตั้งใจที่จะทำงานร่วมกับภาคส่วนต่างๆ ในประเทศไทย โดยเขาได้กล่าวถึงการเปิดตัวในไทยที่ร่วมมือกับศูนย์กลางธุรกิจดิจิทัลและการเงินของประเทศไทย (TIDC)
“นี่เป็นครั้งที่สามหรือสี่ที่ผมมาเยือนประเทศไทย ผมได้พบกับผู้ประกอบการไทยหลายคน และเราก็มีโอกาสได้พูดคุยกัน” เขากล่าว และอธิบายว่า เขาได้วางแผนเพื่อจะใช้เวลาในประเทศไทย เพราะเชื่อว่ายิ่งใช้เวลาอยู่ที่นี่มากเท่าไร ก็จะยิ่งค้นพบโอกาสในการทำงานร่วมกับบริษัทท้องถิ่นและรัฐบาลมากขึ้นเท่านั้น
อนาคตของเอไอ ‘จากผู้ช่วยสู่ระบบอัตโนมัติอิสระ’
อเล็กซ์ได้แบ่งปันมุมมองเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่กำลังจะเกิดขึ้นในอุตสาหกรรมเอไอ โดยมองว่าเอไอกำลังจะก้าวจากการเป็นเพียงเครื่องมือที่ตอบคำถามเมื่อเราถาม (เหมือนที่เราใช้ ChatGPT หรือ Google) ไปสู่ระบบที่มีความเป็นอิสระมากขึ้น
“ในอนาคตที่ใกล้จะถึงนี้ ผมคิดว่าเอไอจะกลายเป็นตัวแทนอัตโนมัติที่สามารถทำงานแทนเราได้ ไม่ใช่แค่ตอบคำถาม แต่จะสามารถดำเนินการต่างๆ ในนามของเรา เช่น อาจจะช่วยจัดการงานประจำวัน จองตั๋ว ซื้อของ หรือแม้แต่เจรจาต่อรองแทนเรา”
เมื่อเอไอพัฒนาไปถึงจุดที่มีความเป็นอิสระมากขึ้น อเล็กซ์ชี้ให้เห็นว่าการพิสูจน์ความเป็นมนุษย์จะยิ่งมีความสำคัญมากขึ้น เพราะอินเทอร์เน็ตและโลกดิจิทัลจะเต็มไปด้วยระบบเอไอที่ทำงานแทนมนุษย์ ทำให้การแยกแยะว่าใครเป็นมนุษย์จริงและใครเป็นเอไอจะยากขึ้น
นอกจากนี้ อเล็กซ์ยังกล่าวถึงโครงการ “Agent Kit” ที่กำลังพัฒนาร่วมกับ OpenAI ซึ่งจะเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เอไอของเราสามารถใช้ระบบยืนยันตัวตน (World ID) และจัดการเงินดิจิทัล (ยอดคงเหลือของ World) เพื่อทำธุรกรรมบนแพลตฟอร์มต่างๆ ได้ นี่เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่าเอไอจะมีความสามารถในการทำงานที่ซับซ้อนมากขึ้นและเป็นอิสระมากขึ้นในอนาคต
อเล็กซ์มองว่านี่เป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นที่สุดในประวัติศาสตร์วงการเทคโนโลยี เพราะเอไอจะเป็นตัวเร่งความก้าวหน้าในทุกสาขาวิชา ไม่ว่าจะเป็นการแพทย์ เคมี ชีววิทยา และศาสตร์พื้นฐานอื่นๆ ทำให้เราสามารถพัฒนาได้เร็วขึ้นมากในระยะเวลาอันสั้น
“แทนที่จะมองเอไอในแง่ลบหรือกังวลกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ผมกลับมองว่าที่เป็นโอกาสครั้งสำคัญที่เอไอจะสร้างให้กับมนุษยชาติ”
สำหรับประเทศไทย อเล็กซ์เชื่อว่า ไทยอยู่ในแนวหน้าของเทคโนโลยีและมีแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่ง มีการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่สำคัญ อเล็กซ์ยังสนับสนุนให้คนรุ่นใหม่ในไทยที่มีความทะเยอทะยานก้าวออกมาสร้างธุรกิจและบริษัทของตัวเอง เพราะเขามองว่าไม่เคยมีช่วงเวลาไหนที่เหมาะสมไปกว่านี้อีกแล้ว โดยเขากล่าวทิ้งท้ายว่า รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ทำธุรกิจในประเทศไทย และหวังที่จะได้กลับมาเยือนอีกครั้ง