เปิดโผ 10 หุ้น SET100 งบดี ราคาวิ่งกระจาย
เปิดโผ 10 หุ้น SET100 งบดี ราคาวิ่งกระจาย หุ้น STGT ผลตอบแทนราคา YTD พุ่งนำกลุ่ม +62.69% กำไรครึ่งปีแรก 525 ล้านบาท เพิ่ม 256.02% มาร์เก็ตแคป 31,230 ล้านบาท
บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ประกาศผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2/67 และในรอบครึ่งปี 2567 กันไปแล้ว ซึ่งตามปกติราคาหุ้นมาจากความคาดหวังของตลาด เมื่อบริษัทนั้น ๆ มีผลการดำเนินงานดี ราคาของหุ้นจะปรับตัวเพิ่มขึ้นไปด้วย แต่ในบางหลักทรัพย์งบออกมาดี แต่หุ้นกลับลง นั้นเพราะอาจเกิดการ sell on fact ราคาหุ้นขึ้นไปตั้งนานแล้ว หรืองบออกมาโตน้อยกว่าที่คาดทำให้ “ความคาดหวังของนักลงทุน” ไม่สนองตอบต่อราคาหุ้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อ “กรุงเทพธุรกิจ” ได้โฟกัสไปที่ดัชนี SET100 คัดเลือกจากหุ้นที่มีงบกำไรดี แถมอัตราผลตอบแทนด้านราคาตั้งแต่ต้นปียังเป็นบวก มีด้วยกันดังนี้ (ข้อมูลตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ณ 28 ส.ค.2567)
1.บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) STGT
- หมวดธุรกิจ ของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์
- ผลตอบแทนราคา YTD +62.69%
- กำไรครึ่งปีแรก 525 ล้านบาท เพิ่ม 256.02%
- มาร์เก็ตแคป 31,230 ล้านบาท
2.บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) PRM
- หมวดธุรกิจ ขนส่งและโลจิสติกส์
- ผลตอบแทนราคา YTD +47.66%
- กำไรครึ่งปีแรก 1,203 ล้านบาท เพิ่ม 14.68%
- มาร์เก็ตแคป 19,750 ล้านบาท
3.บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) BA
- หมวดธุรกิจ ขนส่งและโลจิสติกส์
- ผลตอบแทนราคา YTD +41.40%
- กำไรครึ่งปีแรก 2,585 ล้านบาท เพิ่ม 67.36%
- มาร์เก็ตแคป 46,620 ล้านบาท
4.บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) INTUCH
- หมวดธุรกิจ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
- ผลตอบแทนราคา YTD +16.78%
- กำไรครึ่งปีแรก 6,707 ล้านบาท เพิ่ม 20.37%
- มาร์เก็ตแคป 267,758 ล้านบาท
5.บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) DELTA
- หมวดธุรกิจ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
- ผลตอบแทนราคา YTD +16.48%
- กำไรครึ่งปีแรก 10,873 ล้านบาท เพิ่ม 31.27%
- มาร์เก็ตแคป 1,278,566 ล้านบาท
6.บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) GULF
- หมวดธุรกิจ พลังงานและสาธารณูปโภค
- ผลตอบแทนราคา YTD +14.04%
- กำไรครึ่งปีแรก 8,240 ล้านบาท เพิ่ม 22.34%
- มาร์เก็ตแคป 595,457 ล้านบาท
7.บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ADVANC
- หมวดธุรกิจ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
- ผลตอบแทนราคา YTD +13.82%
- กำไรครึ่งปีแรก 17,028 ล้านบาท เพิ่ม 22.18%
- มาร์เก็ตแคป 734,630 ล้านบาท
8.บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) BH
- หมวดธุรกิจ การแพทย์
- ผลตอบแทนราคา YTD +9.01%
- กำไรครึ่งปีแรก 3,917 ล้านบาท เพิ่ม 17.57%
- มาร์เก็ตแคป 192,370 ล้านบาท
9.บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) MBK
- หมวดธุรกิจ พัฒนาอสังหาริมทรัพย์
- ผลตอบแทนราคา YTD +8.86%
- กำไรครึ่งปีแรก 1,443 ล้านบาท เพิ่ม 20.37%
- มาร์เก็ตแคป 33,944 ล้านบาท
10.บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) CPALL
- หมวดธุรกิจ พาณิชย์
- ผลตอบแทนราคา YTD +6.70%
- กำไรครึ่งปีแรก 12,559 ล้านบาท เพิ่ม 46.70%
- มาร์เก็ตแคป 536,740 ล้านบาท
สรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย ให้สัมภาษณ์กับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า ดัชนีหุ้นไทยได้มีการประมาณการไว้ที่ 1,440 จุด ซึ่งยังเหลืออัพไซด์อยู่ประมาณ 5% จากปัจจุบันตอนนี้ โดยประเด็นแรก โดยคาดว่าไตรมาส 3-4/67 หุ้นกลุ่มที่มีลักษณะการฟื้นตัวได้ นั่นคือ กลุ่มค้าปลีก เนื่องจากช่วงที่เหลือของปีมีสัญญาณการฟื้นตัว ขณะที่มาตรการดิจิทัลวอลเล็ตมีการคาดการณ์ว่า อาจจะจ่ายเป็นเงินสดภาพสวัสดิการรัฐ เม็ดเงินประมาณ 4.3 แสนล้านบาท ในเดือน ก.ย.2567 และที่เหลือจะทยอยจ่ายในเดือน ต.ค. 2567 เป็นต้นไป ดังนั้นในช่วงที่เหลือของปีจะได้เซนติเมนขึ้นมา
ขณะที่กลุ่มไอซีที ในช่วงที่เหลือของปีอาจจะดีกว่าในช่วงครึ่งปีแรก เนื่องต้นทุนที่ทั้ง TRUE และ ADVANC มีการเห็นภาพที่มีการฟื้นตัวที่ชัดเจนขึ้น ส่วนกลุ่มที่ 3 เป็นกลุ่มไฟแนนซ์ที่มีขนาดใหญ่เริ่มฟื้นอย่าง MTC หรือ SAWAD เริ่มเห็นสัญญาณที่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ แม้ว่าเศรษฐกิจมีการชะลอตัวแต่กลุ่มไฟแนนซ์ 2 ตัวใหญ่ยังมีโอกาสไปได้ต่อ ขณะที่หุ้นไฟแนนซ์ตัวเล็กยังคงฟื้นตัวได้ช้า
ส่วนหุ้นส่งออกยางพารา หรือส่งออกอาหาร STA หรือ TU หรือ CPF ยังสามารถเติบโตต่อได้ และกลุ่มโรงไฟฟ้าอย่าง GULF มีการขยายตัวจำนวนเมกกะวัตต์ต่อเนื่อง เพราะฉะนั้นจะเห็นว่าในหลาย ๆ กลุ่มที่จะสามารถทำกำไรได้ รวมถึงกลุ่มท่องเที่ยวด้วย
“ภาพรวมส่วนใหญ่ของมาร์เก็ตแคป ครึ่งปีหลังจะดูดีกว่าครึ่งปีแรก ปัจจุบันต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทยใน 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาประมาณ 8,000 ล้านบาท พร้อมกับพันธบัตรในเดือนก.ค.- ส.ค.2567 ประมาณ 1,380 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เห็นได้ว่าโฟล์ไหลเข้ามาในภูมิภาคบ้านเราพอสมควร”
นอกจากนี้ประเด็นที่ต่างชาติคลายความกังวลลงไปคือ พ.ร.บ.ปี 2568 ที่คิดว่ามีโอกาสเบิกจ่ายได้สูงในเดือน ต.ค.2567 เป็นต้นไป และจะไม่เลื่อน ขณะที่อัตราดอกเบี้ย กสิกรไทยมองว่า ธปท.อาจจะมีการลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงต้นปีหน้า ขณะที่ตลาดมองว่า อาจจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเดือนธ.ค.2567
ดังนั้นจะเห็นปัจจัยบวกเริิ่มทยอยเข้า โดยเบื้องต้น หน้าหุ้นจะมีการเปลี่ยนถ่ายมาเล่นที่มีแลกการ์ดและอยู่ในโซนด้านล่าง เช่นกลุ่มแบงก์ KTB TTB กลุ่มไฟแนนซ์ MTC SAWAD กลุ่มสื่อในประเทศอย่าง PLANB หรือกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมอย่าง AMATA เป็นต้น ที่เป็นหุ้น Domestic play ซึ่งคาดว่าหุ้นกลุ่มเหล่านี้จะสามารถฟื้นตัวได้สูงในไตรมาส 4/67 หากการเมืองเริ่มนิ่ง และเศรษฐกิจเริ่มกลับมา
วีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. ฟินันเซีย ไซรัส ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า บริษัทจดทะเบียนครึ่งปีแรกถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ค่อนข้างดี หากดูจากตัวเลขที่ออกมาไตรมาส 2/67 และถ้าทั้งปีเทียบกับประมาณการของเราคิดเป็นประมาณ 50% ดังนั้นจะช่วยจํากัดในแง่ของดาวน์ไซด์ได้ โดยทั้งปีดาวไซซ์ค่อนข้างจํากัด
ดังนั้นถือว่าอยู่ในทิศทางที่ค่อนข้างใกล้เคียงกับตัวเลขจีดีพีออกมา เนื่องจากจีดีพีที่ออกมาในช่วง 2 ไตรมาสที่ผ่านมา ค่อนข้างไม่ได้เห็นตัวเลขที่ออกมาต่ำกว่าคาด ถือว่าอยู่ในทรงที่ดี ขณะที่ครึ่งปีหลังครึ่งจีดีพีมักจะดีกว่าครึ่งปีแรก ดังนั้นกําไรบริษัทจดทะเบียนอาจจะมีโอกาสอยู่ในทรงทิศทางเดียวกันได้
นอกจากนี้ หุ้น SET100 มีการทำกำไปค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับฐานที่ปรับลงมาจากปีที่แล้ว ซึ่งหุ้นที่ปรับขึ้นมาได้ในครึ่งแรกของปีนี้เป็น 100 -1,000% เพราะครึ่งปีที่แล้วนั่นค่อนข้างแย่มาก ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มฟู๊ดและเนื้อสัตว์ ไม่ว่า CPF BTG พลิกจากขาดทุนมาเป็นมีกำไร
โดยแนะนำการลงทุนในช่วงที่เหลือของปีนี้น่าจะดูดีกว่าครึ่งปีแรก ซึ่งจีดีพีโตรวมถึงการเมืองที่ดูจะนิ่งขึ้น และมาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจน่าจะออกมากระจุกในช่วงไตรมาส 4/67 เพราะฉะนั้น SET น่าจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นไปได้