SABUY ปรับแผนเพิ่มทุนหาเงิน 1.3 พันล้าน กำหนดประชุมผถห.เป็น 8 ต.ค. 67

นายวิรัช มรกตกาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) (SABUY) แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท การยกเลิกการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2567 เดิม และการกำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2567 ใหม่

ทั้งนี้การยกเลิกวาระการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2567 ในวันที่ 9 กันยายน 2567 เนื่องจาก มีเหตุการณ์การยกเลิกการเข้าลงทุนของนักลงทุนบางราย ซึ่งกระทบต่อข้อมูลที่เปิดเผยให้ผู้ถือหุ้นพิจารณา

พร้อมกันนี้ กำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2567 ใหม่เป็นการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-EGM) เพียงรูปแบบเดียวเท่านั้น ในวันที่ 8 ตุลาคม 2567 เวลา 10.00 น. และกำหนดให้วันที่ 16 กันยายน 2567 เป็นวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าร่วมประชุมและออกเสียงลงคะเเนนในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2567 (Record Date)

โดยมีระเบียบวาระการประชุมที่สำคัญได้แก่

-พิจารณาอนุมัติลดทุนจำนวนไม่เกิน 76,233,985 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 2,013,310,691 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่จำนวน 1,937,076,706 บาท โดยการตัดหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 76,233,985 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท

-พิจารณาอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนบริษัท จำนวนไม่เกิน 1,247,000,000 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 1,937,076,706 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่จำนวน 3,184,076,706 บาท

โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่จำนวนไม่เกิน 1,247,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท เพื่อ

(ก) เสนอขายแบบเฉพาะเจาะจงให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) โดยกำหนดราคาเสนอขายไว้อย่างชัดเจน จำนวน 760,000,000 หุ้น โดยราคาขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนหุ้นละ 1 บาท
(ข) รองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทที่จัดสรรให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) จำนวน 400,000,000 หุ้น
(ค) รองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทที่จัดสรรให้แก่ ให้แก่ กรรมการผู้บริหาร และพนักงาน (ESOP-Warrant) จำนวน 87,000,000 หุ้น

-พิจารณาอนุมัติการเข้าซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ลอคบอกซ์ กรุ๊ป จำกัด และ บริษัท ลอคบอกซ์ เวนเจอร์ส จำกัด จากผู้ถือหุ้นเดิม โดยชำระเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทภายใต้กระบวนการโอนกิจการทั้งหมด

โดยซื้อหุ้น บริษัท ลอคบอกซ์ กรุ๊ป จำกัด ไม่เกิน 30,000 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 80.0 ของทุนจดทะเบียน และการเข้าลงทุนในหุ้นสามัญในบริษัท ลอคบอกซ์ เวนเจอร์ จำกัด ไม่เกิน 50,000 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 80.0 ของทุนจดทะเบียน

กำหนดชำระเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทโดยบริษัทจะชำระค่าตอบแทนจำนวนไม่เกิน 360,000,000 บาท ด้วยหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทไม่เกิน 360,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ในราคาเสนอขายหุ้นละ 1 บาท ให้แก่บริษัท โฮลดิ้ง แอล โค จำกัด (Holding L) ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขของกระบวนการทำ EBT ตามประมวลรัษฎากร

-พิจารณาอนุมัติการออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทเพื่อจัดสรรให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) ครั้งที่ 3 (SABUY-W3) และ ครั้งที่ 4 (SABUY-W4) รวมจำนวน 400,000,000 หน่วย

รองรับการใช้สิทธิจำนวนไม่เกิน 400,000,000 หุ้น มีอัตราการใช้สิทธิ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิต่อ 1 หุ้น สามัญ โดยใบสำคัญแสดงสิทธิจะมีอายุ 2 ปีนับแต่วันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิฯ และมีราคาใช้สิทธิเท่ากับ 1.20 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้ ใบสำคัญแสดงสิทธิดังกล่าวจะไม่ได้เข้าจดทะเบียนเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ

-พิจารณาอนุมัติการออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของ บริษัท ครั้งที่ 3 (SABUY-W3) เพื่อจัดสรรให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) ให้ นางสาวเกษรา 350,000,000 หน่วย โดยไม่คิดมูลค่า ควบคู่กันกับหุ้น สามัญเพิ่มทุนของบริษัท 350,000,000 หุ้นที่ นางสาวเกษรา จะจองซื้อและได้รับจัดสรร

-พิจารณาอนุมัติการออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ครั้งที่ 4 (SABUY-W4) เพื่อจัดสรรให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) ได้แก่นายวริศ จำนวน 50,000,000 หน่วย โดยไม่คิดมูลค่า ควบคู่กันกับหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท 50,000,000 หุ้นที่นายวริศ จะจองซื้อและได้รับจัดสรร

-พิจารณาอนุมัติการออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทให้แก่กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัท และบริษัทย่อย ครั้งที่ 3 (SABUY-WC) 87,000,000 หน่วย โดยใบสำคัญแสดงสิทธิจะมีอายุ 2 ปีนับแต่วันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ และมีราคาใช้สิทธิเท่ากับ 1.20 บาทต่อหุ้น

-พิจารณาอนุมัติการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนแบ่งเป็น
350,000,000 หุ้น ให้แก่นางสาวเกษรา
50,000,000 หุ้น ให้แก่นายวริศ
360,000,000 หุ้น ให้แก่ Holding L
350,000,000 หุ้น เพื่อรองรับการใช้สิทธิ ตามใบสำคัญแสดงสิทธิ SABUY-W3
50,000,000 หุ้น เพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิ SABUY-W4
87,000,000 หุ้น เพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิ SABUY-WC

ทั้งนี้การเพิ่มทุนจดทะเบียน 1,247,000,000 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 1,247,000,000 หุ้น มีวัตถุประสงค์จะได้จะได้รับเงินจำนวน 760,000,000 บาทจากการเข้าทำรายการ PP และหากมีการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิทั้งจำนวน บริษัทฯ จะได้รับเงินจำนวน 480,000,000 บาท และหากมีการใช้สิทธิตาม SABUY-WC ทั้งจำนวน จะได้รับเงินจำนวน 104,400,000 บาท

รวมทั้งสิ้นเป็นจำนวน 1,344,400,000 บาท โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนไปใช้ดังต่อไปนี้

-เงินที่ได้รับจากการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 760,000,000 บาท ตามรายการ PP จะแบ่งจัดสรร 200,000,000 บาทใช้ชำระคืนหนี้หุ้นกู้ที่ครบกำหนดปลายปี 2567รุ่น 2และ/หรือ ชำระคืนดอกเบี้ยหุ้นกู้ 2-5 รุ่น (ภายในปี 2567) รวมถึงคืนหนี้สถาบันการเงิน และเจ้าหนี้

และจัดสรร 360,000,000 บาทใช้เป็นค่าตอบแทนในการเข้าทำรายการ EBT (ภายในวันที่ 8 มกราคม 2568) ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน และ 200,000,000 บาทใช้ชำระหนี้เจ้าหนี้การค้า

โดยหนี้หุ้นกู้รุ่น SABUY24DA ที่ครบกำหนดในวันที่ 30 ธันวาคม 2567 มีจำนวน 1,500,000,000 บาท โดยบริษัทจะเรียกประชุมผู้ถือหุ้นกู้เพื่อขอขยายอายุ และปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการชำระต่อไป รวมถึงรุ่นอื่นๆ จะมีการเรียกประชุมผู้ถือหุ้นกู้ คาดว่าภายหลังการเพิ่มทุนมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น

-เงินที่ได้รับจากการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิ ตามรายการ SABUY-Warrant จำนวน 480,000,000 บาท และการใช้สิทธิตาม SABUY-WC อีกจำนวน 104,400,000 บาท (รวม 584,400,000 บาท) แบ่งใช้ 334,400,000 บาทเพื่อชำระคืนหุ้นกู้ และดอกเบี้ยหุ้นกู้ 2-5รุ่น (ปี 2568 -2569) และชำระหนี้สัญญากู้ยืมเงินระยะยาวของกลุ่มบริษัทและดอกเบี้ยเงินกู้จากสถาบันการเงิน (ปี 2568 -2569)

และใช้ 250,000,000 บาท เป็นเงินทุนหมุนเวียน และชำระหนี้เจ้าหนี้การค้า

นอกจากนี้บริษัทมีแผนจะเข้าเจรจากับเจ้าหนี้สถาบันการเงิน เจ้าหนี้หุ้นกู้ รวมถึงเจ้าหนี้การค้า ในการขยายระยะเวลาการชำระหนี้รวมถึงเงื่อนไขต่างๆ ให้สอดคล้องกับกระแสเงินสดของบริษัท และเพื่อให้บริษัทฯ มีกระแสเงินสดที่สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้

ทว่ากรณีที่บริษัทไม่ได้รับเงินจากการใช้สิทธิ บริษัทอาจต้องพิจารณาขายทรัพย์สินที่บริษัทถือครองอยู่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียน และบริษัทจำกัดอื่น ๆ รวมทั้งอาจจะต้องมีการพิจารณาเพิ่มทุน ด้วยเครื่องมือทางการเงินอื่นๆ