‘กูรู’ ชี้จีนย้ายฐานผลิตไทยเพิ่ม ‘นิเวศน์’ มองสงครามการค้า หนุน ‘กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม’

‘กูรู’ ชี้จีนย้ายฐานผลิตไทยเพิ่ม ‘นิเวศน์’ มองสงครามการค้า หนุน ‘กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม’

จับตาหลังเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ “สงครามการค้า” ยังคงอยู่ แนะจับตาอาจจะ “ไม่รุนแรง” หรือ “รุนแรงมาก” แต่ยังถือเป็นความท้าทาย “ภาววิทย์” ชี้หากแรงงานไทยได้ประโยชน์ ลุ้นจีนย้ายฐานผลิตพุ่ง “นิเวศน์” คาด “กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม” ได้อานิสงส์ เหตุโรงงานจีนจะเข้ามาตั้งในไทย

ใกล้เข้ามาทุกที ! สำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ ในเดือนพ.ย.67 ประเด็นที่ "ร้อนระอุ" ต่างจับจ้องกับนโยบายการหาเสียงทั้งของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ตัวแทนแห่งพรรครีพับลิกัน กับ“กมลา แฮร์ริส” รองประธานาธิบดีสหรัฐ จากพรรคเดโมแครต และประเด็นหนึ่งที่เป็นที่จับตาของทั่วโลกกันมากกับ “สงครามการค้า” หลังการเลือกตั้งจะรุนแรงมากขึ้นเพียงใด และนโยบายต่างๆ จะช่วงชิงคะแนนเสียงกันได้มากน้อยแค่ไหนในช่วงโค้งท้ายนี้

นายนิเวศน์ เหมวชิรวรากร นักลงทุนเน้นคุณค่า หรือ วีไอ เปิดเผยว่า การเลือกตั้งสหรัฐในครั้งนี้อาจไม่แตกต่างจากที่คิด ไม่ว่าจะเป็น “ทรัมป์” หรือ “แฮร์ริส” ได้ตำแหน่งประธานาธิบดี แต่สงครามการค้าก็จะยังมีอยู่ เพียงแต่ระดับความรุนแรงมากน้อยแค่ไหนยังไม่มีใครรู้ได้ ส่วนอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่คาดว่า จะมีการปรับตัวลดลงในเดือนก.ย. นี้ ส่วนหนึ่งมีการรับรู้กันไปก่อนแล้ว จึงไม่น่าจะมีผลกระทบ

แม้ว่าจะมีการคาดการณ์กันว่า หากทรัมป์ได้รับการเป็นประธานาธิบดีอีกครั้งความรุนแรงของสงครามการค้ามากขึ้น แต่ท้ายที่สุดแล้วอาจจะรุนแรงไม่ได้ เนื่องจากมีข้อจำกัดเรื่องของเงินเฟ้อ หากมีการกันสินค้าจากจีนมาก เงินเฟ้อของประเทศก็จะปรับขึ้น นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายอย่างที่คาดได้ยาก แต่เทรนด์ยังคงเป็นเรื่องของสงครามการค้าอยู่ดี

ทั้งนี้ ทรัมป์ และแฮร์ริสต่างก็มี “จุดแข็ง” ที่แตกต่างกันออกไป ส่วนเศรษฐกิจ และตลาดหุ้นยังคงต้องติดตามกันต่อไป แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ซีเรียสเท่ากับสิ่งที่เกิดในเมืองไทย เนื่องจากในบางครั้งที่ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่หุ้นไทยกลับไม่ได้ขึ้นตาม ซึ่งปัจจัยในบ้านเราเริ่มมีอิทธิพลมากขึ้น ส่วนหนึ่งจากการแข่งขันระดับสากล ที่การค้าไทยลดลงจึงทำให้ทุกอย่างนั้นมาผูกกับในประเทศ 

ขณะเดียวกันสงครามการค้าระดับโลกจะทำให้ส่งออกมีปัญหาเพิ่มขึ้น ทำให้ไม่มีการเติบโต โดยเฉพาะจีนจะโดนค่อนข้างหนัก ทำให้มีการย้ายฐานการผลิตบางส่วนมาไทยได้ ซึ่งไทยอาจจะได้รับประโยชน์แต่ไม่มาก โดยกลุ่มที่คาดว่าจะย้ายฐานการผลิตมาจะเป็นกลุ่มสินค้าผลิตอุตสาหกรรมที่เมืองจีนส่งออกเยอะ แต่มีข้อสังเกตว่า โรงงานที่มีการย้ายฐานการผลิตมาเป็นโรงงานที่ไม่ค่อยใช้แรงงาน เนื่องจากจีนมีการสร้างโรงงาน รวมถึงนำหุ่นยนต์ และใช้เครื่องมือในการผลิตที่ใช้คนน้อยมาก จึงทำให้การเพิ่มในเศรษฐกิจไทยไม่สูงอย่างที่คิด

“จีนจะเข้ามาซื้อนิคมอุตสาหกรรม ในการสร้างโรงงานต่าง ๆ และจ้างคนมาสร้างโรงงาน แต่หลังจากนั้นส่วนผลิตที่ใช้คนเพิ่มจะไม่มาก วัตถุดิบก็นำเอง หุ่นยนต์ก็นำมาเอง และทุกอย่างเป็นออโตเมติก”

นายภาววิทย์ กลิ่นประทุม ที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บัวหลวง เปิดเผยว่า สงครามการค้าถือว่าเป็นชาเลนจ์ของประเทศมหาอำนาจ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยเกิดขึ้นกับประเทศญี่ปุ่นชาเลนจ์สหรัฐ แต่ขณะนั้นสหรัฐชนะ และปัจจุบันจีนชาเลนจ์สหรัฐ ดังนั้น หากสงครามการค้ารุนแรง มองว่าไทยจะได้รับประโยชน์หากฐานการผลิตจีนอาจจะย้ายมาในไทย เหมือนที่ญี่ปุ่นมีการย้ายฐานการผลิตมาไทย

ทั้งนี้ หากจีนมีการย้ายฐานการผลิต กลุ่มที่เห็นได้ชัดขณะนี้จะเป็นกลุ่ม ฐานการผลิตอีวีเริ่มเห็นความชัดเจนบ้างแล้ว ที่มีการประกาศการลงทุนกันก่อนหน้านี้มุ่งมาที่เมืองไทยให้เป็นฐานการผลิต ขณะที่กลุ่มเทคโนโลยี ขณะนี้แม้อาจจะยังไม่มีความชัดเจน แต่ชิปของไต้หวันมีลุ้นที่อาจจะอยากเข้ามาผลิตในประเทศไทย เพราะเป็นส่วนสำคัญที่สหรัฐมีความต้องการได้

นายชยนนท์ รักกาญจนันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน (บลน.) ฟินโนมีนา กล่าวว่า ช่วงนี้ถือว่าเป็นช่วงโค้งสุดท้ายของการหาเสียงเลือกตั้งสหรัฐ ไม่ว่าใครจะมาเป็นประธานาธิบดีก็ตามไม่สามารถเลี่ยงเรื่องนี้สงครามการค้าได้ สุดท้ายแล้วจีนต้องโดนสหรัฐทั้งเทรดวอร์และเทควอร์ต่อ แต่ถ้าดูจากตัวแผนแล้วมีความเป็นไปได้ว่าในยุคของเดโมแครตจะมีเทรดวอร์ และเทควอร์รุนแรงมากกว่าในยุคสมัยของ โดนัลด์ ทรัมป์ พรรครีพับลิกัน

หากมองกระแสการหาเสียงในช่วงที่ผ่านมา ทรัมป์ ก่อนหน้าบอกว่าจะไม่เอาจีน และหลังจากไปพูดแพลตฟอร์มติ๊กต็อก ทรัมป์กลับมีท่าทีประนีประนอมมากขึ้น อาจจะยังคิดว่า จีนยังสามารถอยู่ในสหรัฐ ก็ได้ และไปหาคนมาซื้อได้ไม่เป็นไร

โดยนักวิเคราะห์ ซีเอ็นเอ็น หรือบลูมเบิร์ก ที่ ทรัมป์ ทำเช่นนั้น เนื่องจากผู้ใช้งานแพลตฟอร์มติ๊กต็อกประมาณเกินกว่า 100 ล้านคน ซึ่งเป็นฐานเสียงอีกฐานหนึ่งที่ทรัมป์อาจจะอยากได้ ฉะนั้นการที่จะไปแบน หรือโจมตีมากๆ อาจจะไม่เป็นผลดีก็ได้

ดังนั้น เป็นไปได้ว่านโยบายใดที่เอื้อประโยชน์ต่อสหรัฐ หรือเอื้อประโยชน์กับพรรครีพับลิกัน และเอื้อประโยชน์กับตัวทรัมป์เอง อาจจะมีการเปลี่ยนจากที่ต้องตั้งกำแพงเทรดวอร์ หรือตั้งกำแพงภาษีอย่างเดียว

  

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์   ศิลาวงษ์